เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลสหราช อาณาจักร โดยคว้าแชมป์มาครองได้เกือบ 40 รายการ รวมถึงพรีเมียร์ ลีก 13 สมัยด้วย ตลอดช่วงการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเขา
เขาก้าวเข้ามายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 1986 ก่อนที่จะประกาศวางมือไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2012/13 ที่ผ่านมา
เขาเคยค้าแข้งมาก่อนที่สกอตแลนด์ โดยเล่นให้กับควีนส์ พาร์ค, เซนต์ จอห์นสโตน, ดันเฟิร์มลิน, กลาสโกว์ เรนเจอร์ส, ฟัลเคิร์ก และอายร์ ยูไนเต็ด แต่ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวงการฟุตบอลของ เซอร อเล็กซ์ นั้นยังมาไม่ถึง
หลังจากที่แขวนสตั๊ด เขาก็ไปรับงานโค้ช โดยเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมที่อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์, เซนต์ เมียร์เรน จากนั้นก็เป็นอเบอร์ดีน ซึ่งที่นี่เขาได้รับการยอมรับเป็นโค้ชระดับท็อป เขาพาทีมปาดหน้า 2 ยอดทีมจากกลาสโกว์คว้าแชมป์ในประเทศสก็อตแลนด์ โดยเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย, สก็อตติช คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละสมัย
หลังจากที่ รอน แอตกินสัน ถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 1986 เฟอร์กูสันก็ได้เข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ทันที
ในตอนที่เขาเข้ามาคุมทีม เขาได้รับทีมชุดที่กำลังจะหมดศรัทธาจากแฟนบอล เนื่องจากหล่นอยู่ถึงอันดับที่ 4 จากท้ายตารางดิวิชั่น 1 หน้าที่แรกของเขาจึงต้องเป็นการพาทีมหนีการตกชั้นให้ได้ และแม้ว่าจะไม่ได้เสริมทีมใดๆ เลยในช่วงเปิดตลาด แต่เขาก็ยังพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จบอันดับที่ 11 ได้
ถึงตรงนั้นทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเฟอร์กูสันกำลังเจอกับงานที่ยากไม่ ใช่เล่นที่จะพาสโมสรกลับมาครองความยิ่งใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เล่นได้อย่างสนุกตื่นเต้น แต่ก็ยังไม่มีความสำเร็จใดๆ เป็นชิ้นเป็นอัน ในฤดูกาลที่ 2 ทีมปีศาจแดงจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ดีขึ้น โดยเป็นอันดับ 2 ตามหลังลิเวอร์พูล แต่การจบอันดับสูงขนาดนั้นก็ตามมาด้วยความคาดหวังที่สูง และจุดเปลี่ยนก็มาถึงในฤดูกาล 1989/90
ในเอฟเอ คัพ ฤดูกาลนั้น ทีมปีศาจแดงถูกจับฉลากให้ต้องออกไปเยือนทุกๆ รอบ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คว้าแชมป์รายการแรกในยุคของเฟอร์กูสันมาครองได้สำเร็จ ลี มาร์ติน ยิงประตูโทนในนัดชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์ เอาชนะคริสตัล พาเลซ คว้าแชมป์ไปครอง
และเมื่อได้ถ้วยแรก แชมป์อื่นก็ตามมาอย่างไม่ขาดสาย ฤดูกาลต่อมาทีมคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ ไปครองได้อีกที่ร็อตเตอร์ดัม เป็นการเอาชนะบาร์เซโลน่า 2-1 ต้องขอบคุณประตูจาก มาร์ค ฮิวจ์ส จากนั้นในฤดูกาล 1991/92 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ลีก คัพ มาประดับบารมีเพิ่มอีก
ยังเหลืออีกถ้วยหนึ่งที่เหมือนเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์สำหรับแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือแชมป์ลีกที่พวกเขารอคอยกันมา 26 ปี โดยต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของลิเวอร์พูลมาโดยตลอด
และในฤดูกาล 1992/93 การรอคอยอันยาวนานก็สิ้นสุดลง ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครองได้สำเร็จ โดยได้รับอิทธิพลจากการย้ายเข้ามาด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ของ เอริค คันโตน่า เบียดแอสตัน วิลล่า คว้าอันดับที่ 1 ไปครองจนได้
จากนั้นความสำเร็จก็หลั่งไหลเข้ามา ฤดูกาล 1993/94 ทีมสามารถทำดับเบิ้ลแชมป์ได้ จากนั้นก็มาทำซ้ำได้อีกในฤดูกาล 1995/96 (จากฝีเท้าของพวกเด็กๆ) และก็คว้าแชมป์ลีกเพิ่มได้ในปี 1997 ถึงตรงนี้เป็นอันว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ผงาดขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่แทนที่ลิเวอร์พูลไปเรียบร้อยแล้ว
ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ เซอร์ อเล็กซ์ เกิดขึ้นในฤดูกาล 1998/99 โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีทีมไหนที่คว้าแชมป์ทั้งพรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ ได้มาก่อนเลย ที่น่าจดจำก็คือค่ำคืนที่บาร์เซโลน่า เขาตัดสินใจส่งตัวสำรองอย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ลงสนาม หลังจากนั้นทุกอย่างก็คือประวัติศาสตร์ ทั้งคู่ช่วยกันยิงประตูให้ทีมพลิกกลับมาคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ เป็นการเติมเต็มการคว้า 3 แชมป์โดยสมบูรณ์
เฟอร์กูสันได้รับยศอัศวินหลังจากความสำเร็จครั้งนั้น และบางคนก็เริ่มมองแล้วว่าเขากำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยเชื่อว่าความท้าทายของเขาได้หมดลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ในฤดูกาลต่อมาคือ 1999/2000 เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก และมาในฤดูกาล 2000/01 ก็ทำได้อีก ทำให้ทีมเป็นแชมป์ 3 สมัยติด แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 8 ของเขามาถึงในฤดูกาล 2002/03 ส่วนแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 ก็ต้องรอในปีต่อมา เมื่อไปคว้าชัยถึงคาร์ดิฟฟ์ด้วยการเอาชนะมิลล์วอลล์ในนัดชิงชนะเลิศ
ถึงตรงนี้ทีมปีศาจแดงก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายทีมชุดใหม่ หลังจากหมดยุคนักเตะที่เขาสร้างมากับมือในฤดูกาล 1995/96 เขาเริ่มคว้าตัวนักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามาเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคใหม่
ทีมชุดใหม่นี้เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 2005/06 จากนั้นก็ได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 9 ในฤดูกาล 2006/07 ในเดือนพฤษภาคม 2007 เซอร์ อเล็กซ์ ได้คว้าเอานักเตะใหม่ 3 คนเข้ามาสู่ทีมคือ แอนเดอร์สัน, หลุยส์ นานี่ และ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ นั่นทำให้ทีมยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก และก็สามารถป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ในฤดูกาล 2007/08 แถมยังสุดยอดไปกว่านั้นด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 สำหรับตัวเขาเอง โดยนักเตะใหม่ทั้ง 3 คนดังกล่าวสามารถยิงเข้าประตูในช่วงดวลจุดโทษที่เอาชนะเชลซีไปได้ในนัดชิง ชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังประสบความสำเร็จต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์สโมสรโลกที่ญี่ปุ่นในเดือน ธันวาคม 2008 จากนั้นทีมปีศาจแดงก็คว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ได้ในเดือนมีนาคม 2009 โดยเอาชนะท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปด้วยการดวลลูกจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ
วันที่ 16 พฤษภาคม 2009 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้ลุล่วงจนได้ หลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ ก้าวเข้ามาในปี 1986 เขาตั้งใจจะทาบสถิติแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัยของลิเวอร์พูล และก็มาทำได้สำเร็จในฤดูกาล 2008/09 โดยถือเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 11 ของ เซอร์ อเล็กซ์ จากการคุมทีมทั้งหมด 17 ฤดูกาลด้วย ถือเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ
และมันก็ยิ่งดีไปกว่านั้นในอีก 2 ปีต่อมา โดยคว้าแชมป์ลีกเหนือเชลซี โดยก่อนหน้านั้นในปี 2010 พวกเขาทำได้เพียงแค่แชมป์รายการเดียวคือคาร์ลิ่ง คัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้ด้วยลูกจุดโทษที่รูนี่ย์ ซัดใส่แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และทีมปีศาจแดงก็แซงหน้าสถิติแชมป์ลีกสูงสุดของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
ในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2011/12 ถือเป็นอะไรที่ทำร้ายจิตใจแฟนๆ มาก เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาคว้าแชมป์ลีกเหนือทีมปีศาจแดงได้ในวินาทีสุดท้ายของฤดูกาลจริงๆ แต่ความผิดหวังนั้นก็ได้มลายหายไปในฤดูกาล 2012/13 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ไปครองในขณะที่ยังเหลือเกมให้ลงเล่นอีก 4 เกม
เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับสโมสรอยู่ ถึงแม้ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว เขาได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหาร และก็ยังเป็นฑูตสโมสรอีกด้วย
เกียรติประวัติ
ผู้จัดการทีม
เซนต์มิร์เริน
สก็อตติช เฟิร์ส ดิวิชั่น (1): 1976–77
อาเบอร์ดีน
สก็อตติช พรีเมียร์ ดิวิชั่น (3): 1979–80, 1983–84, 1984–85
สก็อตติช คัพ (4): 1981–82, 1982–83, 1983–84, 1985–86
สก็อตติช ลีก คัพ (1): 1985–86
ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (1): 1982–83
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (1): 1983
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ลีก (13): 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1996–97, 1998–99, 1999–2000, 2000–01, 2002–03, 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2010–11, 2012–13
เอฟเอคัพ (5): 1989–90, 1993–94, 1995–96, 1998–99, 2003–04
ลีกคัพ (4): 1991–92, 2005–06, 2008–09, 2009–10
เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ (10): 1990, 1993, 1994, 1996, 1997, 2003, 2007, 2008, 2010, 2011
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (2): 1998–99, 2007–08
ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (1): 1990–91
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ (1): 1991
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้ (1): 1999
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1): 2008