
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เกิดวันที่ 1 สิงหาคม 1984 ที่เมืองโคลเบอร์มูร์ เยอรมันตอนเหนือ เขาเริ่มค้าเข้าวงการฟุตบอลกับสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน โดยเริ่มเล่นจากตำแหน่งปีกขวา ก่อนที่จะมาเป็นกองกลางเต็มตัวในระยะหลัง "บาสตี้" คือนักเตะที่ลงเล่นให้บาเยิร์น มิวนิคถึง 13 ฤดูกาลโดยลงเล่นไปทั้งหมด 375 เกมและทำไปได้ 47 ประตู
ในนามทีมชาติเยอรมัน เขาลงเล่นให้กับทีมอินทรีเหล็กไปถึง 113 เกมทำไป 23 ประตู โดยเกียรติประวัติสูงสุดเกิดขึ้นในปี 2014 ที่เขานำทัพเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่บราซิล
ซึ่งหลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 ให้กับประเทศบ้านเกิดได้เเล้ว เขาจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ของปี 2015
กับบาเยิร์น มิวนิค
เขาเริ่มเข้าสู่ระบบเยาวชนของเสือใต้ในปี 1998 และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติเยอรมันชุดเยาวชนในปี 2002 ก่อนที่เขาจะโชว์ผลงานให้กับ บาเยิร์น มิวนิคชุดบีได้อย่างเข้าตา จนทำให้ก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ในปี 2002 ในที่สุด
อ็อตม่าร์ ฮิตเฟลด์ คือกุนซือที่ให้โอกาสกับเขาเป็นครั้งแรกหลังจากการซ้อมกับทีมชุดใหญ่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น โดยเกมแรกที่เขาได้ลงสนามเกิดขึ้นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกในเกมที่พบกับ ลองส์ ซึ่หลังจากนั้น "บาสตี้" ก็ปิดจ็อบฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ด้วยการได้ลงเล่นอีก 14 เกมในศึกบุนเดสลีก้า และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนั้น
เหตุการณ์ทำท่าว่าจะดีแต่เข้าก็ต้องเจอเริ่องเซอร์ไพรส์เมื่อกุนซือคนใหม่อย่าง เฟลิกซ์ มากัธ ส่งเขากลับไปอยู่กับทีมชุดสำรองในฤดูกาล 2005-06
หลังจากนั้น 3 ฤดูกาลจกระทั่งถึงปี 2007-08 ชไวน์สไตเกอร์ ได้ลงเล่นให้กับ บาเยิร์น ถึง 135 เกมจากทุกรายการและทำไป 10 ประตู
หลังจากการกวาดแชมป์ในประเทศมาอย่างถล่มทลาย "ชไวนี่" มีโอกาสเข้าชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เชลซี ที่อลิอันซ์ อารี่น่า ในปี 2012 แต่ทว่าทุกอย่างไปอย่างที่คาดไว้เมื่อ บาเยิร์น แพ้การดวลจุดโทษและพลาดคว้าแชมป์ในรังตัวเองอย่างเจ็บปวดเหลือแสน
ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ! บาเยิร์น มิวนิค และ ชไวน์สไตเกอร์ กลับมาเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งในปี 2014 และครั้งนี้คู่แข่งคือทีมร่วมลีกอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดย เสือใต้ ไม่ปล่อยให้ถ้วยบิ๊กเอียร์ต้องหลุดมือด้วยการเอาชนะ "เสือเหลือง" ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1
ความสำเร็จยังคงเดินหน้าต่อหลังจากการคว้าดับเบิ้ล เเชมป์ กับ บาเยิร์น "ชไวนี่" ประกาศศักดาด้วยเกียรติประวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศึกฟุตบอลโลก 2014 ด้วยการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติเยอรมัน
นับเป็น 17 ปีที่ยาวนานกับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในที่สุดเเล้ว ชไวน์สไตเกอร์ ก็ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์ของปี 2015
เกียรติประวัติกับ บาเยิร์น มิวนิค
- แชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2002-03 , 2004-05 , 2005-06 , 2007-08 , 2009-10 , 2012-13 , 2013-14 , 2014 - 15
- แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ฤดูกาล 2002–03, 2004–05, 2005–06, 2007–08, 2009–10, 2012–13, 2013–14
- แชมป์ เดเอฟเบ ลีก้าโพคาล ปี 2004 , 2007
- แชมป์ เยอรมัน ซุปเปอร์คัพ : ปี 2010 , 20012
- แชมป์ ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ : ปี 1013
กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วันที่ 13 กรกฎาคม ปี 2015 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดการคว้าตัว บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์พร้อมเซ็นสัญญา 3 ปี
การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้เขาเป็นผู้เล่นชาวเยอรมันคนแรกที่ลงเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับ ยูไนเต็ด และเป็นนักเตะเยอรมันคนที่ 3 ที่เคยอยู่กับสโมสรโดย 2 รายแรกได้แก่ มาร์คุส นอยมาร์ และ รอน โรเบิร์ต ซีเลอร์ (ทั้งคู่ไม่ได้เล่นทีมชุดใหญ่)
เขาลงเล่นให้กับ ยูไนเต็ด เกมแรกในโปรเเกรมปรีซีซั่นที่พบกับ คลับ อเมริกา ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2015 ซึ่งในเกมดังกล่าว ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 1-0
การลงเล่นในพรีเมียร์ลีกเเกมแรกของเขาเกิดขึ้นในเกมนัดเปิดสนามกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยได้ถูกส่งลงมาแทน ไมเคิล คาร์ริค ในนาทีที่ 60 และโดนใบเหลืองใบเเรกในเกมนั้นหลังจากลงสนามไปเพียง 8 นาทีจากการทำฟาวล์ นาเซอร์ ชาดลี่
ระดับทีมชาติ
ชไวน์สไตเกอร์ ติดทีมชาตืเยอรมันครั้งแรกในปี 2004 ในเกมกระชับมิตรที่พบกับ ฮังการี่ และหลังจากเกมนั้นเขารับใช้ชาติเรื่อยมาจนทุกวันนี้เขาลงสนามให้กับทีมอินทรีเหล็กไปแล้วมากกว่า 100 เกม
เกียรติประวัติกับทีมชาติเยอรมัน
- แชมป์ฟุตบอลโลก 2014
- อันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2006 และ 2010
- รองแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2008
เกียรติประวัติส่วนตัว
- ติดทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกปี 2010
- รางวัลนักเตะที่แอสซิสต์มากที่สุดในฟุตบอลโลกปี 2010 (อันดับ 3 ร่วมกับ โทมัส มุลเลอร์ , เมซุต โอซิล , กาก้า และ เดิร์ก เค้าท์)
- รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประเทศเยอรมัน ปี 2013
- อันดับ 7 นักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปปี 2013