ประวัติส่วนตัว รอน แอตกินสัน

รอน แอตกินสัน เกิดที่เมืองลิเวอร์พูลในวันที่ 18 มีนาคม 1939 แต่ไปเติบโตในเมืองเบอร์มิงแฮม 

          เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาเล่นฟุตบอลให้กับทีมของโรงเรียน ลี วิลเลจ แล้วก็พัฒนาฝีเท้าตัวเองเร็วมากจนทำให้ได้รับรางวัลระดับตำบล จนถึงระดับเมือง และเขาก็ได้ให้ความเห็นถึงช่วงเวลานี้ว่า "ดูเหมือนว่าผมจะถูกสร้างมาเพื่อเป็นกัปตันทีม ผมชอบที่จะต้องรับผิดชอบอยู่เสมอ บางทีผมอาจเป็นผู้นำโดยธรรมชาติตั้งแต่เด็กเลยก็ได้"

          หลังจากได้รับการติดต่อให้เข้าเป็นเด็กฝึกหัดกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน และวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส เขาก็เลือกที่จะเข้าร่วมทีมกับวูล์ฟส์ ซึ่งในปี 1954 วูล์ฟส์ จัดเป็นทีมที่น่ากลัวทีมหนึ่ง ที่มีนักเตะอย่าง บิลลี่ ไรท์ กัปตันทีมชาติอังกฤษ ในขณะนั้น และในปี 1956 เขาได้ย้ายไปเล่นให้กับ แอสตัน วิลล่า และแม้ว่าเขาจะไม่เคยลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของวิลล่า ก็ตาม แต่เขาก็ได้ลงเล่นให้กับทีมสำรองอย่างสม่ำเสมอและแล้วเวลาแห่งการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็มาถึงในปี 1959 ตอนเขาอายุได้ 20 ปี เมื่อ โจ เมอร์ซ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม และได้ชักชวนให้เขาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับทีม 

        อาชีพค้าแข้งของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป เขาไปเล่นให้กับทีมนอกลีกอย่างเฮดดิงตัน ยูไนเต็ด เป็นการชั่วคราว แล้วก็ย้ายไปเล่นให้กับอ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นที่ที่เขามีความสุขกับช่วงเวลาแห่งความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักฟุตบอล เมื่อทีมคว้าแชมป์เซาเธิร์น ลีก พรีเมียร์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2 ปีซ้อนในปี 1960-1961 และ 1961-1962 และเลื่อนชั้นขึ้นไปเตะในฟุตบอล ลีก ในปี 1962 ด้วยเวลา 6 ปี อ็อกซ์ฟอร์ด ก็เลื่อนชั้นไปเล่นถึงดิวิชั่น 2 โดยมีกัปตันทีมที่ชื่อ รอน แอตกินสัน

       จุดเปลี่ยนในอาชีพค้าแข้งของเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 1971 ด้วยวัย 32 ปี เขาได้รับการทาบทามให้เป็นผู้จัดการทีมให้กับนักเตะในเคทเตอริง ทาวน์ ที่นั่น แอตกินสัน พาทีมคว้าแชมป์ เซาเธิร์น ลีก เฟิร์สท์ ดิวิชั่น และพรีเมียร์ ดิวิชั่น แชมเปี้ยนชิพส์ 

       ในเดือนธันวาคม 1974 ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำทุกอย่างให้กับ เคทเตอริง อย่างเต็มที่แล้ว เขาจึงย้ายไปคุมทีมในลีกอย่างเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด และเมื่อถึงฤดูกาลที่ 2 ที่เขาคุมทีม เขาก็พาทีมเข้าสู่ โฟร์ธ ดิวิชั่น แชมเปี้ยนชิพ และเข้าสู่ ดิวิชั่น 2 ในที่สุดจากนั้นเขาก็ย้ายไปคุมทีมเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ในดิวิชั่น 1 และพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี 1978-1979 และ 1979-1980

         ปี 1981 โอกาสสำคัญก็มาถึง งานที่ผู้จัดการทีมส่วนใหญ่ต้องการคือ การคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ดี ในตอนนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ฟอร์มไม่ค่อยดีนักแม้จะมีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ และเป็นสโมสรที่มีแฟนมากที่สุดในอังกฤษ แต่ก็ได้แชมป์เพียงครั้งเดียวนับตั้งแต่ปี 1968 และได้เอฟเอ คัพ 1 ครั้งในปี 1977 นับตั้งแต่ยุคสมัยของ แมตต์ บัสบี้ ตามด้วยผู้จัดการทีมอย่าง วิล์ฟ แม็คกินเนสส์, แฟร้งค์ โอฟาร์เรลล์, ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ และ เดฟ เซ็กซ์ตัน 

        แอตกินสัน ไม่ยอมท้อถอยที่จะสานต่อประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่นั้น ในเดือนตุลาคม 1981 เขากระตุ้นแผงกลางของทีมด้วยการเซ็นสัญญากับนักเตะเก่าของเขาจากเวสต์ บรอมวิช คือ เรมี่ โมเซส และ ไบรอัน ร็อบสัน และด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ทำให้ ร็อบสัน กลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในอังกฤษขณะนั้น 

        ในเวลา 2 ปี ร็อบสัน ซึ่งเป็นกัปตันทีม ก็พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศใน เวมบลีย์ 2 ครั้ง แม้ว่าจะก็พ่ายให้กับลิเวอร์พูล ในศึกมิลค์ คัพ แต่ก็สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในปี 1982-1983 และในปี 1985 พวกเขาก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อีกเป็นครั้งที่ 2 

        ฤดูกาล 1985-1986 เขาพาทีมขึ้นเป็นจ่าฝูงในดิวิชั่น 1 ด้วยคะแนนนำทีมอันดับ 2 ถึง 10 แต้ม แต่เพราะนักเตะมีอาการบาดเจ็บหลายคน ทำให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นมาแซง และคว้าแชมป์ไปครองทั้งถ้วยลีก และเอฟเอ คัพ แม้ว่าตลอด 5 ปีในการคุมทีมของ แอตกินสัน ทีมไม่เคยจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ต่ำกว่าอันดับ 4 เลย แต่เขาก็เหมือนมีส่วนต้องรับผิดชอบกับผลงานของทีม 

       ในเดือนพฤศจิกายน 1986 เขาก็ย้ายกลับไปคุมทีม เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ตามด้วยการย้ายไปคุม แอตเลติโก มาดริด ของสเปน ในเดือนตุลาคม 1988 หลังจากเวลาไม่กี่เดือนในสเปน เขาก็กลับมายังเกาะอังกฤษเพื่อเข้าคุมทีม เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 1989 

       เพียง 2 ปี เขาก็ย้ายไปคุม แอสตัน วิลล่า ในเดือนกรกฎาคม 1991 แล้วก็ย้ายไปคุม โคเวนทรี ซิตี้ ในปี 1995 ก่อนตัดสินใจที่จะวางมือจากงานผู้จัดการทีม และส่งให้ กอร์ดอน สตรัคคั่น รับช่วงต่อในเดือนพฤศจิกายน 1996 ส่วนตัวเขาเองก็ขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารของสโมสร โคเวนทรี 

      แต่หลังจากนั้นเขาก็ยังคงกลับมาคุมทีมอีกครั้งให้กับเชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในปี 1997 เพียงเพื่อช่วยให้ทีมหนีพ้นจากการตกชั้น และเขาก็ทำสำเร็จ ก่อนรับหน้าที่คุมทีม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในปี 1998-1999 ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน แต่เขาไม่สามารถทำได้ และยิ่งไปกว่านั้น เขาพาทีมพ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 8 - 1 โดยในจำนวนนี้ 4 ประตูมาจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้ซึ่งลงเล่นเป็นตัวสำรองในนัดนี้ตอนนี้ทุกคนจะได้เห็นเขาบนอัฒจรรย์ในหลายๆ นัดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น รวมทั้งในรายการทีวีเกี่ยวกับการล้อเลียนผู้จัดการทีมฟุตบอลหลายๆ รายการ 

คุณรู้หรือไม่?
ในเดือนตุลาคมปี 1978 แอตกินสัน ได้รับการติดต่อด้วยค่าแรง 1,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ให้คุมทีมฟิลาเดลเฟีย ฟิวรี่ ในลีกของอเมริกาเหนือ แต่เขาก็ตอบปฏิเสธโดยบอกว่า "ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นใน เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน และผมก็ไม่อยากพลาดมันหรอก"
ในฐานะนักเตะอ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด เขาได้รับสมญานามว่า "รถถัง" แต่ในปัจจุบันทุกคนรู้จักเขาในนาม "บิ๊กรอน"

Last Update : 2013-12-02