ประวัติส่วนตัว พอล สโคลส์

        ไม่ง่ายที่นักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่งจะสามารถทำผลงานได้เข้าตาตำนานลูกหนังโลกอย่างเซอร์บ๊อบบี้ชาร์ลตันได้

         แต่อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษชุดแชมป์โลกและอดีตสตาร์แมนฯยูไนเต็ดชุดแชมป์ยุโรปครั้งแรกกลับประทับอกประทับใจไอ้หนุ่มหัวแดงนามพอลสโคลส์เป็นอย่างยิ่ง

         "เขาคอนโทรลลูกบอลได้เฉียบขาดแถมยังผ่านบอลได้สุดแจ่มนี่คือนักเตะที่เล่นฟุตบอลได้เนียนตาดีเหลือเกิน" เซอร์บ๊อบบี้ชาร์ลตันนิยามนักเตะรุ่นหลานเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

         สโคลส์เป็นผลิตผลชิ้นงามจากโรงเรียนลูกหนัง "ปีศาจแดง" เจเนอเรชั่นเดียวกับเดวิดเบ็คแฮม, ไรอันกิ๊กส์, นิคกี้บัตต์รวมถึงสองศรีพี่น้องแกรี่กับฟิลเนวิลล์ในช่วงกลางยุคไนน์ตี้ส์

         หนุ่มจอมห้าวผู้เกิดแถบซัลฟอร์ดเหมาสองลูกในเกมประเดิมสนามของตัวเองกับสโมสรโดยเป็นการเจอกับพอร์ทเวลในลีกคัพเมื่อฤดูกาล 1994/95  ขณะที่ประตูแรกของสโคลส์ในเกมลีกเกิดขึ้นกับอิปสวิชในปีเดียวกัน

         ฤดูกาลที่แจ่มสุดๆของสโคลส์ในโอลด์แทร็ฟฟอร์ดแน่นอนว่าต้องมีฤดูกาล 1995/96 ที่แมนฯยูไนเต็ดคว้า "ดับเบิ้ลแชมป์" ได้ซึ่งดาวเตะหัวแดงเพลิงเข้ามาเสียบแทนการหายไปของเอริคคันโตน่าที่โดนแบนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

         สโคลส์จบฤดูกาลที่น่าจดจำดังกล่าวด้วยการคว้าอันดับรองดาวซัลโวของสโมสรโดยทำไป 14  เม็ดเป็นรองเพียงคันโตน่าเพียงคนเดียว

         "สโคลซี่ย์" ยังฉายฟอร์มสุดยอดในฤดูกาลที่แมนฯยูไนเต็ดคว้า "เทรเบิ้ลแชมป์" เมื่อปี 1999 แม้ว่าจะอดเล่นในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเพราะติดโทษแบน

         ในฤดูกาล 2003 ที่ "ปีศาจแดง" กลายร่างเป็นเทพในพรีเมียร์ลีกนั้น 20 ประตูทองของสโคลส์ก็ถือว่ามีความสำคัญสุดยอดเช่นเดียวกัน

         พูดน้อยแต่ต่อยหนักคือคุณสมบัติของดาวเตะผู้เป็นที่ใฝ่ฝันของกุนซือทุกคนบนโลกรายนี้

         สโคลส์สามารถทำประตูได้จากทุกระยะของสนาม

         ในระดับชาติสตาร์รายนี้รับใช้ทีมชาติอังกฤษไปทั้งหมด 66 วาระก่อนประกาศขอเลิกหลังจบศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส

         นับตั้งแต่นั้นสโคลส์ก็หันมาทุ่มเทให้กับการรับใช้สโมสรแมนฯยูไนเต็ดแบบเต็มตัวแม้จะถูกจีบให้หวนคืนทีมชาติหลายครั้งแต่ก็ส่ายหน้าตอบทุกครั้ง

         ปัญหาทางสายตาของสโคลส์ทำให้เขามีส่วนร่วมกับฤดูกาล 2005/06 เพียงน้อยนิด

         แต่ "สโคลซี่ย์" ก็รีเทิร์นกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2006/07

         ไฮไลต์ส่วนตัวคือการซัดเปิดแผลลิเวอร์พูลในชัยชนะ 2-0 เมื่อเดือนตุลาคม 2006 รวมถึงการวอลเล่ย์เต็มเหนี่ยวในเกมบุกถล่มแอสตันวิลล่า 3-0 ในอีกสองเดือนถัดมาซึ่งประตูนี้ถูกคัดเลือกให้เป็นประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลโดยแฟนๆของสโมสรด้วย

         ผลงานที่ใช้เท้าพูดแทนปากส่งผลให้เพื่อนนักเตะและนักข่าวเลือกให้สโคลส์เข้าป้ายอันดับสามสำหรับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมสมาคมนักฟุตบอลอาชีพหรือพีเอฟเอและอันดับสี่สำหรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักข่าวซึ่งทั้งสองรางวัลตกเป็นของคริสเตียโน่โรนัลโด้

         สำหรับฤดูกาล 2007/08 นี้ "สโคลซี่ย์" มีโอกาสลบล้างความผิดหวังที่เคยพลาดนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อเก้าปีก่อนหลังจากที่ตะบันประตูดับบาร์เซโลน่าพร้อมกับส่ง "ปีศาจแดง" ทะยานสู่มอสโกอย่างองอาจ และคว้าชัยชนะร่วมกับทีมเหนือเชลซีไปได้

         พอล สโคลส​์ ถูกเสนอชื่อเข้าหอเกียรติยศของฟุตบอลอังกฤษในเดือนกันยายน ปี 2008 ก่อนที่เขาจะฉลองการลงเล่นนัดที่ 600 ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนเมษายน ปีถัดมา และต่อด้วยการทำสถิติยิงครบ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก ในเดือนมีนาคมปี 2010

         สโคลส์ประเดิมฤดูกาล 2010/11 ได้อย่างสวยหรู เขาถูกเลือกเป็น Man of the match ในเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับทีมเชลซี ก่อนจะยิง 2 ประตูในนัดเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีค ซึ่งเป็นเกมที่"ปีศาจแดง"เปิดบ้านเอาชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0

         ในเดือนเมษายน ปี 2011 สโคลส์ ได้รับใบแดงจากการเข้าสกัดใส่ปาโบล ซาบาเลต้า ในเกมเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศ จนทำให้เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดในเดือนต่อมา ก่อนจะเข้ารับงานในตำแหน่งผู้ฝึกสอนกับต้นสังกัด

         แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตอบแทนความจงรักภักดีที่เขามีให้กับสโมสรในช่วง 17 ปีที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยการจัดแมทอำลาอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่ง"ปีศาจแดง"โชว์ฟอร์มเทพด้วยการไล่ถล่มทีมนิวยอร์ค คอสมอส ไปได้ 6-0 โดยพอล สโคลส์ เป็นผู้ทำประตูเบิกร่องให้ทีม

         ในวันที่ 8 สิงหาคม 2012 สโคลส์ ตัดสินใจกลับมาลงเล่นฟุตบอลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ในเกมเอฟเอคัพกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ทีม"ปีศาจแดง"ประสบปัญหาการขาดแคลนผู้เล่นอย่างหนัก อันเนื่องมาจากผู้เล่นตัวหลักหลายคนได้รับบาดเจ็บ

         พอล สโคลส์ ประเดิมสนามเป็นตัวจริงนัดแรกนับตั้งแต่กลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะโบลตัน วันเดอร์เรอร์ โดยเขาสามารถทำประตูได้จากการเปิดบอลของเวย์น รูนีย์ และนั่นทำให้เขาทำสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกทุกฤดูกาล นับตั้งแต่ฤดูกาล 1994-95

         วันที่ 11 พฤษภาคม ปี 2013 พอล สโคลส์ ตัดสินใจประกาศยุติเส้นทางการค้าแข้งลงอย่างถาวร โดยกองกลางวัย 38 ปี เปิดเผยว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ลงเล่นให้สโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมอย่างเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และก็หวังว่าทีมของเขาจะยังคงครองความยิ่งใหญ่ต่อไป

Last Update : 2015-07-13