สมัยค้าแข้ง
นับจากอดีตมาถึงปัจจุบันมียอดนักฟุตบอลมากมายที่ได้ฉายาว่า "ปีกพ่อมด" ด้วยลีลาการลากเลื้อยที่ราวกับมีเวทมนต์บนปลายเท้าแต่จะมีสักกี่คนที่มีความจงรักภักดีและรับใช้สโมสรฟุตบอลเพียงแห่งเดียวได้ตลอดชีวิตถึงกว่า 700 นัดเหมือนปีกพ่อมดชาวเวลส์ที่ชื่อไรอันกิ๊กส์คนนี้
ไรอันโจเซฟกิ๊กส์หรือชื่อเดิมว่าไรอันโจเซฟวิลสันเป็นยอดนักฟุตบอลในยุคใหม่ที่มีความเก่งกาจและได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดจากผลงานความสำเร็จมากมายในสีเสื้อแดงร้อนแรงของทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดซึ่งเป็นสโมสรแรกและสโมสรเดียวในชีวิตของเขานับตั้งแต่ยังเป็นนักเตะเยาวชนเลยทีเดียว
กิ๊กส์เกิดในเวลส์โดยเดิมทีใช้นามสกุลวิลสันตามคุณพ่อแดนนี่วิลสันอดีตนักรักบี้แต่ก็ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลกิ๊กส์ของแม่และถูกพามาเลี้ยงในซัลฟอร์ดเมืองทางตอนเหนือของอังกฤษทำให้กิ๊กส์ถือเป็นคนแมนคูเนี่ยนพูดสำเนียงแมนคูเนี่ยนมาตั้งแต่ต้น
ชีวิตในวัยเยาว์ของกิ๊กส์ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาความรู้รวมทั้งวิชาลูกหนังอยู่ในอังกฤษซึ่งแม้ว่ากิ๊กส์จะยืนยันความภูมิใจที่มีหลายเชื้อชาติผสมผสานกัน (ได้จากพ่อที่เป็นคนอพยพชาวเซียร่าลีออนแต่ได้สัญชาติเวลส์) และเคยเป็นถึงกัปตันทีมนักเรียนอังกฤษแต่ไรอันกิ๊กส์ก็เลือกที่จะรับใช้ทีมชาติเวลส์ในเวลาต่อมา
ในวัย 14 ปีกิ๊กส์เคยเกือบที่จะได้เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ซิตี้อยู่แล้วแต่โชคชะตาของเขาถูกลิขิตมาให้เป็นซูเปอร์สตาร์ใน "โรงละครแห่งความฝัน" โอลด์แทรฟฟอร์ดพรสวรรค์ที่เปล่งประกายออกมาอย่างโดดเด่นเหนือนักเตะรุ่นเดียวกันทำให้อเล็กซ์เฟอร์กูสัน (ขณะนั้นยังไม่ได้รับยศอัศวิน) ถึงกับเดินทางไปเคาะประตูถึงบ้านเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เลือกเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแทน
และการตัดสินใจครั้งนี้ของเฟอร์กี้ก็เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดของยอดผู้จัดการทีมคนนี้ซึ่งหลังจากที่กิ๊กส์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของทีมได้ 3 ปีก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวันเกิดอายุครบรอบ 17 ปีและเริ่มต้นลงสนามเป็นเกมแรกในเกมกับเอฟเวอร์ตันที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในวันที่ 2 มี.ค.1991 โดยลงไปแทนเดนนิสเออร์วินแบ็กซ้ายจอมเก๋าชาวไอริช
หลังจากนั้นกิ๊กส์ซึ่งแจ้งเกิดได้เต็มตัวในเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์โดยเป็นผู้ยิงประตูชัยให้ทีมยูไนเต็ดเอาชนะซิตี้ได้และเป็นประตูแรกของเขาด้วยก็เริ่มได้รับการจับตามองในฐานะเจ้าหนูมหัศจรรย์คนใหม่ของวงการฟุตบอลอังกฤษ
โดยเฉพาะลีลาการลากเลื้อยสุดมหัศจรรย์และหน้าตาที่หล่อเหลาคมคายทำให้ "กิ๊กซี่" กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ดวงใหม่ในเวลาอันรวดเร็วและได้รับการเปรียบเปรยเป็นทายาทของ "เทพบุตรลูกหนัง" จอร์จเบสต์ตำนานปีกซ้ายอมตะของชาวเร้ดอาร์มี่ที่ขึ้นชื่อลือชาทั้งในเรื่องฝีเท้าที่เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกและเสน่ห์ในฉบับเพลย์บอยที่ต่อมากลายเป็นยาขมทำลายชีวิตนักเตะของเบสต์จนพังพินาศ
แต่กิ๊กส์ก็ได้รับการอบรมดูแลจากเฟอร์กี้อย่างใกล้ชิดทำให้ไม่เตลิดเสียคนและยังเป็นกำลังสำคัญในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในตลอดยุคทศวรรษที่ 90 โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพสมัยแรกหลังการเปลี่ยนชื่อจากดิวิชั่น 1 เดิมในฤดูกาล 1992/93 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีกสมัยแรกในรอบ 26 ปีของแมนฯยูไนเต็ดก่อนจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจนเบื่อได้ถึงอีก 8 สมัย!
หนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการพาแมนฯยูไนเต็ดสร้างตำนานคว้า "เทรเบิ้ลแชมป์" หรือการคว้า 3 แชมป์ใหญ่ในฤดูกาลเดียวกันคือพรีเมียร์ลีก ,เอฟเอคัพและยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 1999 โดยกิ๊กส์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในรายการเอฟเอคัพเมื่อสร้างปาฏิหารย์ลากบอลจากกลางสนามฝ่าผู้เล่นกันเนอร์สเข้าไปยิงมุมแคบเข้าแสกหน้าของเดวิดซีแมนผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษของอาร์เซนอลเข้าไปเป็นประตูชัยให้ทีมชนะในเกมเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศ
ซึ่งประตูนี้ได้รับการสดุดีจากทุกมุมโลกว่าเป็นหนึ่งในประตูที่คลาสสิคที่สุดตลอดกาลของรายการเอฟเอคัพเทียบเท่ากับตำนานของเซอร์สแตนลีย์แมตธิวในอดีตเลยทีเดียว
แต่ในชีวิตที่ประสบความสำเร็จมากมายกิ๊กส์ก็เคยประสบปัญหามามากมายเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องของความเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ล่อแหลมต่อการเสียคนเหมือนอดีตฮีโร่อย่างจอร์จเบสต์เพราะกิ๊กส์เองก็เป็นซูเปอร์สตาร์ที่หมั่นควงสาวไม่ซ้ำหน้าคนหนึ่งและเคยได้รับการเปรียบเทียบจากบีบีซีสำนักข่าวอังกฤษว่ากิ๊กส์เป็นคนที่ถูกบันทึกภาพมากที่สุดคนหนึ่งในสหราชอาณาจักรแต่ในระยะหลังกิ๊กส์ก็ค่อยๆเติบโตขึ้นและเลือกจะใช้ชีวิตอย่างสงบมากกว่า
อีกปัญหาที่เคยบั่นทอนกำลังใจชีวิตของกิ๊กส์คืออาการบาดเจ็บที่ทำให้ฟอร์มการเล่นที่เคยสุดยอดตกต่ำลงไปอย่างน่าใจหายแต่หลังจากที่ได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดีบวกกับความเป็นมืออาชีพที่น่านับถือของกิ๊กส์ในที่สุดปีกพ่อมดก็สามารถกลับมาเป็นยอดนักเตะที่แมนฯยูไนเต็ดขาดไม่ได้เหมือนเดิมและยังสามารถสลับไปเล่นได้ในหลายบทบาทด้วยทั้งกองหน้าตัวต่ำหรือตัวทำเกมกลางสนาม
แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยสำหรับวงการลูกหนังโลกที่กิ๊กส์เลือกเล่นให้กับทีมชาติเวลส์อันเป็นผลจากการที่เขาภาคภูมิใจกับความเป็นสายเลือดนักรักบี้ของพ่อซึ่งกิ๊กส์จะพูดเสมอว่าฝีเท้าจัดจ้านและการทรงตัวที่ดีเลิศเป็นผลจากสายเลือดนักรักบี้ของพ่อแต่การเลือกเล่นให้เวลส์ก็ทำให้เขาไม่เคยได้สัมผัสกับรายการสุดยอดที่สุดของโลกอย่างฟุตบอลโลกและยิ่งทำให้กิ๊กส์ถูกเปรียบเทียบกับจอร์จเบสต์มากขึ้นเพราะเบสต์เองแม้จะเก่งที่สุดในยุคของเขาแต่ก็ไม่เคยสัมผัสฟุตบอลโลกเหมือนกันเนื่องจากเป็นชาวไอร์แลนด์เหนือ
อย่างไรก็ดีกิ๊กส์ก็ยังรับใช้ทีมชาติเวลส์มาโดยตลอแม้จะมีเสียงค่อนแคะอยู่บ่อยๆว่าเล่นได้ไม่เต็มที่และฟอร์มไม่ดีเหมือนกับเล่นให้ต้นสังกัดหรือแม้แต่การประชดที่กิ๊กส์ชอบถอนตัวเนื่องจากอาการบาดเจ็บว่าไม่มีใจเล่นให้ทีมชาติแต่กิ๊กส์ก็ยังได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติเวลส์ในปี 2004
และในเวลานี้กิ๊กส์ได้กลายเป็นนักฟุตบอลที่สร้างตำนานไปแล้วในทีมแมนฯยูไนเต็ดเพราะเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่ลงเล่นให้กับทีมมากที่สุดเกิน 700 นัดไปแล้ว (ครบรอบ 700 นัดในเกมแดงเดือดกับทีมลิเวอร์พูลที่แอนฟิล์เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2007) ซึ่งมีเพียงเซอร์บ็อบบี้ชาร์ลตันเท่านั้นที่ลงสนามมากกว่าด้วยจำนวน 759 นัด (249 ประตู)
ด้วยผลงานในฐานะปีกพ่อมดที่จงรักภักดีรับใช้แมนฯยูไนเต็ดมาโดยตลอดไม่เคยย้ายหนีไปไหนตลอด 16 ปีที่ผ่านมาดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าไรอันกิ๊กส์จึงเป็นขวัญใจที่ชาวปีศาจแดงรักมากที่สุดคนหนึ่งและชื่อของเขาจะถูกจารึกไว้ในฐานะตำนานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสโมสรตลอดกาลเคียงข้างเซอร์บ็อบบี้ชาร์ลตัน ,จอร์จเบสต์และเอริคคันโตน่า
ฤดูกาล 2010-ปัจจุบัน วันที่ 24 เมษายน 2010 กิ๊กส์ยิงจุดโทษลูกแรกให้กับอาชีพค้าแข้งของเขาหลังจากไม่ได้ทำมานาน ยิงถึง 2 จุดโทษ 3-1 ในเกมที่ชนะทอตแน่ม ฮอตสเปอร์
วันที่ 10 สิงหาคม 2010 กิ๊กส์ยังคงบวกประตูเพิ่มในทุกๆฤดูกาลและยิงประตูที่ 3 ในฤดูกาลนี้จากการเปิดบ้านพบกับนิวคาสเซิลและชนะ 3-0 เป็นการเปิดฤดูกาลที่สวยงาม
วันที่ 6 มีนาคม 2011 กิ๊กส์ทำประตูแศซงหน้าเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตันที่ 607 เกมในนัดที่พบลิเวอร์พูล วันที่ 26 เมษายนเขาลงสนามกับชาลเก้ 04 ในแชมเปี้ยนส์ลีกเลกแรก กิ๊กส์ทำประตูแรกจากการส่งผลของเวย์น รูนี่ย์ และสร้างบันทึกสำหรับการเป็นนักเตะที่อายุเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์แชมเปี้ยนส์ลีก กิ๊กส์ยังคงเล่นชปล 2011 ครั้งสุดท้ายโดยแพ้ให้บาร์เซโลน่า 3-1
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2012 กิ๊กส์ลงสนามเป็นนัดที่ 900 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในนัดที่ออกไปเยือนนอริชซิตี้ 2-1 เขาทำประตูชัยในนาทีที่ 90 จากการครอสบอลของแอชลี่ย์ ยัง หลังจากนัดนี้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันบอกกับ BBC ว่าไม่อยากจะเชื่อว่านักเตะหนึ่งสโมสรจะเล่นได้ถึง 900 เกม ซึ่งไรอัน กิ๊กส์เล่นกับผู้เล่นที่แตกต่างกันในทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 140 คน
กิ๊กส์ทำประตูแรกสำหรับพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2012-2013 นัดที่พบกับเอฟเวอร์ตันในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2013 เป็นการเพิ่มประตูในตัวเขาเอง 23 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว
เขาต่อสัญญาฉบับใหม่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในวันที่ 1 มีนาคม 2013 ทำให้เขาจะมีสัญญาอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดจนถึงเดือนมิถุนายน 2014 และในวันที่ 4 กรกฎาคม กิ๊กส์ได้รับตำแหน่งนักเตะและโค้ชไปพร้อมๆกันภายใจ้การคุมทีมของเดวิด มอยส์ และมีผลทันที
ผู้จัดการทีม
เมื่อวันอังคารที่ 22 เมษายน 2014 ไรอัน กิ๊กส์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชั่วคราวของทัพปีศาจแดง หลังจากทีมตัดสินใจปลด เดวิด มอยส์ กุนซือชาวสกอตต์ออกจากเก้าอี้ เนื่องจากทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในฤดูกาลนี้ ซึ่งกิ๊กส์จะรับหน้าที่กุนซือในอีก 4 เกมที่เหลือจนจบซีซั่น
หลังจากนั้นยูไนเต็ดได้ดึงตัว พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และฟิล เนวิลล์ เข้ามาทำหน้าที่ผู้ช่วยของกิ๊กส์ ซึ่งถือเป็นการร่วมตัวของอดีตนักเตะยุครุ่งเรืองที่สุด หรือ "คลาส ออฟ 92 " ของทัพปีศาจแดงเลยก็ว่าได้ (แม้จะไม่ครบทุกคนก็ตาม)
กิ๊กส์ออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งแรกเกี่ยวกับการรับหน้าที่กุนซือ(ชั่วคราว)ของยูไนเต็ดว่า "มันเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังมากสำหรับทุกคน คุณชนะด้วยกันและแพ้มาด้วยกัน เหลือเกมในซีซั่นนี้อีก 4 นัด ผมอยากทำผลการแข่งขันให้ดีและเรียกรอยยิ้มกลับมาอีกครั้ง ผมต้องการเห็นนักเตะของเราเล่นอย่างมีความสุขและรอยยิ้มจากแฟนบอลในสนาม"
"ปรัชญาการทำทีมของผมคือ การเล่นให้เป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ผมอยากเห็นพวกเขาเล่นด้วยความเร็ว, จังหวะ, จินตนาการ สิ่งที่กล่าวมาคือสิ่งที่ผมคาดหวังจากผู้เล่นของยูไนเต็ด ผมคิดว่าตัวเองทำได้ดีในระหว่างการฝึกซ้อมถึงขนาดเป็นตัวจริงได้เลย ผมให้รางวัลตัวเองด้วยการต่อสัญญาฉบับใหม่ 5 ปี เมื่ออำนาจอยู่ในมือแล้ว คุณก็ต้องรีบใช้มัน"
งานแรกในการคุมทีมข้างสนามของเขาต่อหน้าแฟนบอลในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากเปิดบ้านถล่มนอริช ซิตี้ 4-0 จากการทำประตูของ เวย์น รูนี่ย์ และฆวน มาต้า คนละ 2 ประตู ซึ่งหลังจากเกมนั้นจบลง ผู้จัดการทีมและนักเตะที่เกี่ยวข้องกับสโมสรต่างยกย่อง และแสดงความต้องการให้เขาคุมทัพปีศาจแดงในระยะยาว
ล่าสุดเขาได้เข้าไปคุยกับ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของทีมเกี่ยวกับบทบาทในการคุมทีมในระยะยาว เนื่องจากมีข่าวออกมาอย่างหนาหูว่า ทีมเตรียมแต่งตั้ง หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์เข้ามาคุมทีมแบบถาวร และทางสโมสรต้องการเตรียมยื่นสัญญาระยะเวลา 1 ปีให้กับ กิ๊กส์, พอล สโคลส์ และนิคกี้ บัตต์ เพื่อช่วยเป็นสต๊าฟโค้ชของทีมต่อไป