ฟอร์มการเล่น

      เกมในครึ่งแรกนั้นเกมรุกของยูไนเต็ดดูไร้จินตนาการเเละไม่ได้น้ำได้เนื้อเลย พวกเขามีโอกาสยิงแค่ 2 ครั้ง จาก ฆวน มาต้า ที่ยิงหลุดเสาสอง และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ล็อกเข้าเท้าขวาก่อนยิงไปตรงตัว โบอัซ มายฮิลล์

      นั่นทำให้เห็นว่าบอลคอนโทรลของ ยูไนเต็ด ยังมีอะไรให้ต้องปรับอีกมากมาย พวกเขาครองบอลได้ถึง 80% แต่กลับกลายเป็นการครองบอลเพื่อจุดประสงค์ "ไม่ต้องการเสียบอล" มากกว่าการ "บุกเข้าไปทำประตู"

      ส่วนครึ่งหลังนั้นประตูสุดสวยของ ลินการ์ด เรียกได้ว่าส่งผลต่อเกมและความมั่นใจของทีมมากขึ้น ... และช่วยให้ทุกอย่างดูผ่อนคลายจนกระทั้ง ยูไนเต็ด นวดไปเรื่อยๆและได้ประตูที่ 2 จากจุดโทษและปิดเกมนี้ได้สำเร็จ

      วินาทีสำคัญประจำเกม!

      การตัดสินใจทำลายปรัชญาฟาน กัล ของ เจสซี่ ลินการ์ด ... ตลอดครึ่งแรกเเละช่วงต้นครึ่งหลังไม่มีนักเตะของ ยูไนเต็ด คนไหนมีไอเดียในการยิงไกลในหัวเลย พวกเขามองไปที่เพื่อนร่วมทีมมากกว่าปากประตูคู่ต่อสู้ นั่นจึงทำให้เป็นเกมที่ชวนง่วงหลับ

      จนกระทั่งเจสซี่ ลินการ์ด เด็กท้องถิ่นของสโมสร จับบอลจังหวะเยื้องกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายและบรรจงปั่นเสียบเสาไกลอย่างสวยงาม ทำให้ทุกคนรู้ว่า คุณน่าจะลองเสี่ยงดูบ้างหากมีโอกาสได้ง้างเท้าสับไก!! และนี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในเกมนี้

      ชายผู้มีความสุขที่สุดในวันนี้

      ยังคงวนเวียนอยู่ที่เจสซี่ ลินการ์ด เช่นเคย ... ดาวเตะวัย 22 ปีได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมลีดให้กับสโมสรเป็นครั้งแรก และเขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง การวื่งสู้ฟัด , การลากเลื้อย จนกระทั่งการส่งบอลกระทบก้นตาข่าย ทั้งหมดนี้ทำให้เขาคือ แมนออฟเดอะแมตช์ อย่างไม่ต้องสงสัย

      ชายผู้เศร้าโศก

      อันเดรส ลินเดการ์ด ผู้เบื่อเหลือเกินกับารนั่งเป็นตัวสำรองอดทนใจถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาตัดสินใจย้ายหนีจาก ยูไนเต็ด ในซัมเมอร์ที่ผ่านมาเพื่อหาโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้มากขึ้นกับสโมสรใหม่ของเขา เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ... แต่ใครเลยจะรู้นับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่มิดแลนด์เขายังไม่มีโอกาสลงสนามให้กับ เดอะ แบ็กกี้ส์ เลย แถมความเจ็บปวดยังคูณทวีเมื่อเขาได้มาเยือนถิ่นเก่าของเขาด้วยการนั่งอยู่ในม้านั่งสำรองจนกระทั่งจบเกม

      มองมุมกว้าง

      แม้ยูไนเต็ดจะแสดงให้เห็นถึงปัญหาในการสร้างสรรค์และการเข้าทำ แต่เกมรับของพวกเขาไม่เสียประตูมากว่า 9 ชั่วโมงเเล้วในตอนนี้! นั่นถือว่าเป็นอีกเรื่องที่หลายคนไม่ให้เครดิตหลุยส์ ฟาน กัล เท่าที่ควร