หลังจากที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บดเอาชนะวัตฟอร์ดได้ในเฮือกสุดท้าย นั่นทำให้ภาพคืนวันเก่าๆในยุคสมัยของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกิดขึ้นในจินตนาการของแฟนๆปีศาจเเดง
คุณได้เห็นอารมณ์ที่ผ่านจากสีหน้าของพวกเขาทุกคน พวกเขาวิ่งเฮกันเหมือนผึ้งแตกรังและจากเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งคำถามที่ว่า นานเท่าไหร่เเล้วที่พวกเราไม่ได้รู้สึกแบบนี้ ??
ขณะที่ แกรี่ เนวิลล์ พูดถึงในรายการมันเดย์ ไนท์ ฟุตบอล ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันหายไปนานมากนับตั้งเเต่ "ป๋า" ได้เกษียณไปเมื่อ 3 ปีที่เเล้วนั่นแหละ
สถิติไม่เคยโกหกใคร ... ในช่วง 3 ฤดูกาลหลังจากหมดยุคของเฟอร์กูสันวางมือ เราทำได้ 20 ประตูจากช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ขณะที่ป๋าเคยทำไว้ 28 ประตูจาก 2 ฤดูกาลก่อนวางมือ
ทั้งหมดนั้นทำให้ชัยชนะเหนือวัตฟอร์ดมีความพิเศษขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกจากการที่เราเติบโตมาและเริ่มหลงรักฟุตบอลในแนวทางของ เฟอร์กี้ นอกจากนี้ประตูของ ชไวน์สไตเกอร์ ยังเป็นการทำประตูในนาทีสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 3 ปีของปีศาจเเดงเลยทีเดียว
นี่คือจิตวิญญาณของนักสู้ที่หายไป เราแสดงให้วัตฟอร์ดเห็นว่าเราไม่ใช่ยักษ์หลับที่จะโดนยิงเเล้วปล่อยเลยตามเลย การกระตุกหนวดเสือเหมือนการเปิดสวิตช์ให้เหล่านักเตะปีศาจเเดงตื่นจากความเฉื่อยชาเเละโหมบุกเข้าใส่แบบไม่คิดชีวิต
จิตวิญญาณดังกล่าวคือสิ่งที่ทำให้ทุกทีมบนโลกนี่รู้สึก "กลัว" และ "เกรง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาจะวางใจไม่ได้หากขึ้นนำยูไนเต็ดเเละเหลือเวลาเพียงแค่ 10 นาทีก็ตาม ... ตอนนี้ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าการเปิดสวิตช์จิตวิญญาณปีศาจเเดงในเกมเจอกับวัตฟอร์ดจะทำให้พวกเขากระตุ้นสันดานการโกงความตายขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้เล่นทุกคนจะต้องสวมบทบาทนักเตะปีศาจเเดงแบบ และนึกภาพอารมณ์อันหอมหวานหลังจากที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายให้ได้ในทุกๆสัปดาห์ นั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น
เช่นกัน หลุยส์ ฟาน กัล ก็จะต้องให้อิสระกับลูกทีมของเขาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานมากกว่านี้ เขาต้องให้ลูกทีมสาดความรู้สึกหวาดกลัวและระเเวงใส่คู่แข่งทุกๆทีม เพื่อผลลัพท์ที่ยอดเยี่ยมอย่างที่ได้เห็นกัน
ได้เวลากลับมาเกรี้ยวกราดบ้างเเล้ว หลุยส์ ฟาน กัล