อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมคนเก่งของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีก ให้สัมภาษณ์ยอมรับสภาพตามตรง ว่าทีมพวกเขาสมควรเป็นผู้แพ้ในนัดล่าสุด หลังบุกไปพ่าย "สิงห์แดง" มิดเดิ้ลสโบรช์ 1-2 เมื่อสุดสัปดาห์ แต่ก็ยังพอใจกับผลงานของลูกทีมในระยะยาว

            อาร์เซน่อล ต้องเสียสถิติแพ้เป็นเกมแรกของฤดูกาล หลังเสียประตูเร็วตั้งแต่ต้นเกม จากการสังหารจุดโทษของ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ตามด้วยเสียประตูที่ 2 ในครึ่งหลังจาก ตุนกาย ซานลี่ ก่อนที่ โทมัส โรซิคกี้ ซัดตีไข่แตกกู้หน้าในช่วงทดเจ็บ โดย นายใหญ่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม กล่าวแบบยอมรับสภาพว่า "เราแพ้ในเกมนี้ เพราะเราสมควรเป็นผู้แพ้ มันง่ายมากที่จะบอกว่า มิดเดิ้ลสโบรช์ นั้นเล่นเหนือกว่า พวกเขามีความเฉียบคมกว่าในการเข้าต่อสู้"

           "ส่วนพวกเราก็เริ่มต้นเกมกันผิดพลาด เมื่อปล่อยให้คู่แข่งมีพื้นที่เล่นว่างเกินไป และจนเป็นต้นตอของการเสียจุดโทษ จากจุดนั้น สภาพร่างกายนักเตะเราก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าเริ่มอ่อนระโหยโรยแรง เพราะนี่เป็นเกมเยือนนัดที่ 4 ติดต่อกันแล้ว"

           สำหรับ อาร์เซน่อล เพิ่งบุกไปเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่นักเตะโบโร่ได้หยุดพัก ทำให้สภาพร่างกายนักเตะทีมเยือนดูเป็นรอง ที่สำคัญบรรดาแกนหลักหลายคนไม่สามารถลงเล่นได้ เนื่องจากปัญหาเจ็บ อย่างไรก็ตาม กุนซือเลือดน้ำหอมยังไม่เป็นกังวลกับความปราชัยครั้งนี้นัก เนื่องจากยังรั้งเป็นจ่าฝูงและลงเล่นเกมนอกบ้านมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 2 

           "เราพยายามทุ่มเทกันเต็มที่เพื่อจะกลับสู่เกม แต่เราขาดความสร้างสรรค์ในการเข้าทำประตู และไม่เฉียบคมพอในการผ่านบอลจังหวะเดียวเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นแล้วเราจึงไม่อันตรายเท่าที่ควรในเกมบุก และเป็นเหตุผลที่เรากลับมาสู่เกมไม่สำเร็จ"

           "จริงอยู่ที่เราขาดผู้เล่นคนสำคัญในหลายตำแหน่ง แต่มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะตำหนิผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ และ ผมก็ยังเชื่อฝีเท้าของนักเตะทุกคนที่ลงสนามในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล และยังคงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด แมนฯยูไนเต็ด ได้เล่นเกมในบ้าน 9 เกม เกมเยือน 7 เกม ขณะที่ พวกเขา ลงเล่นเกมนอกบ้านไปแล้วถึง 8 เกม ซึ่งผมก็รู้สึกดีที่เราได้เปรียบตรงนี้พร้อมกับที่เรายังเป็นจ่าฝูงของตารางต่อไป" กุนซือวัย 58 กะรัต กล่าว

           ทั้งนี้ อาร์เซน่อล ยังนำเป็นจ่าฝูง แต่โดน แมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซี บี้ติดเหลือห่างเพียง 1 และ 2 คะแนน ตามลำดับ และอาจถูกแซงในสัปดาห์หน้าได้ เนื่องจากขุนพล "กันเนอร์ส" จะต้องเจอศึกหนักเล่นในบ้านพบกับ เชลซี ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไปเยือน ลิเวอร์พูล ในวันเดียวกัน