ถ้าผมจำไม่ผิดก่อนหน้านี้สักเกือบๆเดือน เรื่องหลุยส์ ฟาน กัล จะโดนไล่ออกมีอยู่แทบจะถึงวัน โดยเฉพาะโชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีข่าวว่าจะถูกทาบทามมาเป็นนายใหญ่คนใหม่ของแมนยู เนื่องด้วยผลงานสุดห่วยในหลายๆ นัด เพราะตั้งแต่ฟานกัลพาทีมเสมอเชลซี 1-1 แล้วหลังจากนั้นก็แทบจะเล่นไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ทั้งผลงานสุดเห่ยบุกไปแพ้ซันเดอร์แลนด์ ทีมอันดับ 19 และออกไปแพ้มิดทิลลันด์ ในเกมส์ยูโรป้า นอกจากนี้ยังมีปัญหานักเตะบาดเจ็บอีก เรียกได้ว่าแมนยูนั้นประสบปัญหามาทุกๆ ด้านจริงๆ แม้เกมส์ต่อมาฟานกัลจะนำลูกทีมไปชนะ ชรูว์สบิวรี่ไป 3-0 แต่ก็ไม่ได้หยุดให้แฟนบอลผีแดงทั่วโลกไล่ฟานกัลออกจากเก้าอี้ ด้วยสไตล์คุมทีมที่เล่นน่าเบื่อ บวกกับฟานกัลแกไร้อารมณ์กับเกมส์ ยิ่งทำให้ถูกเด็กผีเหม็นขี้หน้าเข้าไปอีก
แล้วอะไรล่ะครับที่เปลี่ยนแปลง?... ถ้าใครที่ได้ดูเกมส์ถัดมาที่แมนยูเอาชนะมิดทัลแลนด์ไป 5-1 จะรู้ทันที วันนั้นตอนผมเห็นทีมรักโดนยิงไป 1-0 ผมนี่ทำใจเลยว่าคงไปไม่รอดแล้ว ทีมพิการขนาดต้องใช้เด็กลงสนามทั้ง โจ ไรลี่ย์, กิเยโม่ บาเรล่า, เจสซี่ ลินการ์ด และไอ้หนูมาร์คัส แรซฟอร์ด ซึ่งเพิ่งได้ลงตัวจริงครั้งแรกเท่านั้น ซึ่งผลลัพธ์กลับออกมาไม่น่าเชื่อว่าทีมแบบนี้จะสามารถกลับมาเอาชนะคู่แข่งได้แม้จะเป็นทีมอ่อนชั้นกว่าก็เถอะ อีกครั้งกับเกมแข่งกับอาเซน่อลเมื่อวาน ผมเองก็กังวลเพราะอาเซน่อลเพิ่งชนะเลสเตอร์มา กำลังใจดีเยี่ยมแม้จะแพ้บาเซโลน่าตอนกลางสัปดาห์ แต่ถ้าพูดถึงโอกาสแล้วตอนนี้ ผีแดงมีโอกาสโดนฝังคาหลุมได้สบายๆ แล้วก็เป็นอีกครั้ง ที่ทีม young blood ของเราเอาชนะอาเซน่อลไปได้ 3-2 ซึ่งสิ่งที่ผมอยากชี้ให้เห็นไม่ใช่การยิงประตูสุดโหด 4 ลูกใน 2 นัดของไอ้หนูแรซฟอร์ด หรือสถิติอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องดังนี้ครับ
1.ความเป็นนักสู้ยังมีในเลือดนักเตะทุกคน : ตอนที่โดนมิดทิลแลนด์ยิงนำไป ผมคิดว่านักเตะคงใจฝ่อไปแล้ว แต่ผิดคาดนักเตะทุกคนวิ่งไล่บอล และพยายามที่จะทำประตู ไม่ว่าจะนาทีแรกหลังจากโดนยิงนำ หรือนาทีสุดท้ายก่อนกรรมการเป่านกหวีด นักเตะทุกคนมี “ความอยากเป็นผู้ชนะ” อยู่ตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้เห็นมานานมากแล้วตั้งแต่ท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกจากตำแหน่งไป เป็นสิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้น และมีความสุขที่สุดกับการดูแมนยูมาตลอด
2.ฟานกัลรู้จักปล่อยวาง : ก่อนหน้านี้ถ้าแมนยูตัดบอลได้จะสังเกตได้เลยครับว่าต้องเน้นครองบอลไว้ก่อน แต่สองนัดหลังมันไม่ใช่ มันคือการเล่น counter-attack สไตล์แมนยูเก่าๆ ทั้งนั้น ทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าบางทีฟานกัลแกก็คงปล่อยวางปรัชญาของแก แล้วให้อิสระนักเตะเล่นตามที่ใจอยากเล่น ผลลัพธ์มันก็ออกมาเป็นอย่างที่เห็นนั่นเอง
3.ฟานกัลคือผู้สร้างดาวรุ่งตัวจริง : จริงอยู่ที่ถ้าไม่ใช่เพราะนักเตะตัวหลักเจ็บเยอะขนาดนี้ ดาวรุ่งเราคงไม่ได้ลงมาเยอะแยะขนาดนี้ แต่ถึงยังไงเรื่องนี้เราก็ควรให้เครดิตฟานกัลเต็มๆ ที่สามารถดันเด็กๆ ลงมาเล่นได้อย่างมีคุณภาพ เผลอๆ เล่นดีกว่าชุดตัวหลักซะด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าจะยืนระยะได้ยาวขนาดไหนแค่นั้นเอง
4.เมมฟิส ยังสามารถพัฒนาได้อีก : หลังจากสองนัดหลังที่ผมเฝ้าดูเค้าเล่น จะเห็นได้เลยว่าเค้าเล่นฉลาดขึ้นมากในนัดแรกที่เจอคู่ต่อสู้ที่อ่อนชั้นกว่า เมมฟิสไม่ลังเลที่จะโชว์ศักยภาพทุกอย่างที่เค้ามีออกมา และมันก็ได้ผลจริงๆ ส่วนอีกนัดหนึ่ง การเจอกับเบญาริน นั้นแน่นอนว่ายากที่จะต่อสู้ ผมเห็นแล้วว่าเมมฟิสพยายามเลี้ยงหนีสองสามครั้งแต่ยังไม่สามารถเอาชนะได้ ตอนนั้นในใจคิดแล้วว่าสงสัยคงกลายเป็นเมมฟิสคนเดิม แต่เปล่าเลย เค้าพยายามหาพื้นที่อื่นเล่น พยายามเปลี่ยนการเล่นไปเล่นต่อบอลกับเพื่อน ขยับไปเล่นตรงกลาง ที่สำคัญรู้ว่าจังหวะไหนควรเล่น จังหวะไหนควรจะหยุดพักบอลไว้ ตรงจุดนี้ผมขอยกนิ้วให้เลยว่าเมมฟิสทำดีมากจริงๆ
5.ฆวน มาต้า คือสุดยอดเพลเมกเกอร์อย่างแท้จริง : ไม่ว่าจะดูมาต้าเล่นกี่ครั้ง ผมก็แปลกใจจริงๆ ว่าทำไมนักเตะตัวเล็กแค่นี้ถึงสามารถวิ่งได้ทั้งเกมไม่หยุด แถมมีความกระหายชัยชนะตลอดเวลา และพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด จำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้สักสามสี่เดือน มาต้าฟอร์มตกอย่างมาก เวลาได้บอลก็ช้า จ่ายก็เสีย จ่ายก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่เมื่อสักเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา การเล่นเค้าเปลี่ยนไป พยายามหาพื้นที่ พยายามพลิกบอล และจ่ายบอลกล้าได้เสียมากยิ่งขึ้น ดูตัวอย่างชัดๆเลยคือลูกที่แมนยูได้ 3-1 ในเกมส์กับอาเซน่อล ผมขอบอกเลยว่าตอนนี้แมนยูขาดมาต้าไม่ได้แน่นอนครับ
ที่ผมยกตัวอย่างมานี้เป็นแค่ส่วนเล็กน้อย ที่ผมเริ่มสังเกตได้ในช่วงสองนัดหลัง ผมเลยอยากขอให้แฟนผีแดงทุกๆ คนอดทนสัดนิด ถึงแม้ทีมเราอาจจะไม่กลับไปยิ่งใหญ่ได้เท่าเดิม แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งที่กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดี อยากให้ลองเปิดมุมมองที่ไม่ใช่มองในแง่ลบอย่างเดียว เพราะในวิกฤตมันก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเช่นกัน ยังไงก็มาช่วยกันเชียร์ ช่วยกันให้กำลังใจทีมกับการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ครั้งนี้ ไม่แน่อาจจะเป็นตัวกำหนดชะตาทีมในอนาคตก็เป็นไปได้ครับ
และที่สำคัญที่สุดที่เปลี่ยนแปลงคือ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าหลุยส์ ฟาน กัล เองก็มีอารมณ์ร่วมกับเกมเป็นเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับแฟนผีทุกท่าน :D