แฟรงค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์ห้องเครื่องสโมสร "สิงห์บูลส์" เชลซี ทีมอันดับ 3 ในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ตั้งเป้ากดประตูที่ 100 เพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ให้กับตัวเอง ในเกมที่จะเปิดบ้าน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำศึกพรีเมียร์ชิพ นัด "บ็อกซิ่งเดย์" กับ "สิงห์ผยอง" แอสตัน วิลล่า ในวัน พุธที่ 26 ธ.ค.นี้ ให้จงได้

          กองกลางทีมชาติอังกฤษ ต้องการอีกเพียงประตูเดียว ก็จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของสโมสร นับตั้งแต่ ย้ายจาก "ขุนค้อน" เวสต์แฮม มาซบอยู่กับ ทีม เชลซี เป็นเวลากว่า 6 ปีครึ่งแล้ว กล่าวถึงความมุ่งมั่นว่า "ผมอยากที่จะยิงประตูที่ 100 ให้ได้ต่อหน้าแฟนบอลที่ตามมาเชียร์พวกเรา แต่ ก็ไม่สำเร็จ แต่ บางที โชคชะตา มันอาจกำลังรอผมอยู่ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเกมที่พบกับ วิลล่า ก็เป็นได้ มันอาจเป็นเรื่องเยี่ยมที่จะทำเช่นนั้น ต่อหน้าแฟนบอลในถิ่นของพวกเราเอง และ มันย่อมพิเศษสำหรับผมแน่ หากผมสามารถทำมันสำเร็จ"

          ทั้งนี้ ดาวเตะวัย 28 ปี มีโอกาสที่จะทำความตั้งใจของตัวเองให้เป็นจริงได้ในเกมพรีเมียร์ชิพ นัดที่แล้ว แต่ก็ชวดไปหลังโดนปฏิเสธจาก แบรด ฟรีเดล นายทวารจอมหนึบของ ทีม "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น ซึ่งเขาก็กล่าวอย่างเสียดาย ว่า "ผมคิดว่า ผมมีโอกาสยิงประตูที่ 100 ของตัวเอง 2-3 ครั้ง ในเกมที่พบกับ แบล็คเบิร์น มีอยู่ลูกหนึ่ง ผมมั่นใจว่ามันจะเป็นประตูแน่ เพราะผมยิงได้ดีมาก แต่แล้ว แบรด ฟรีเดล ก็ปัดมันออกมาได้ ผมไม่แปลกใจเลย เพราะ ฟรีเดล โชว์ฟอร์มเซฟลูกยิงของผมได้หลายครั้งหลายครา เขาเป็นผู้รักษาประตูที่น่าทึ่งมาก"

          "ไม่ใช่ว่า ผมไม่ต้องการทำได้ในเกมที่ แบล็คเบิร์น แต่ เป็นเพราะว่า มิตรภาพระหว่างผม กับ แฟนบอล มากกว่า นั่นทำให้ ผมจึงอยากที่จะฉลองประตูนี้ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 40,000 คน ในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ถ้า ผมทำมันสำเร็จแล้ว ช่วงเวลานั้น คงเป็นอะไรที่ผมลืมไม่ลงแน่นอน" จอมทัพทีม "สิงห์บูลส์" เผยถึงความรู้สึก

          อดีตเด็กปั้นของทีม เวสต์แฮม กลายเป็นหัวใจสำคัญของทีมในตอนนี้ หลังต้องขาดนักเตะแกนหลักอย่าง จอห์น เทอร์รี่, ปีเตอร์ เช็ก และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ไปในช่วงสัปดาห์หฤโหดของการแข่งขันศึกพรีเมียร์ชิพ ซึ่งคล้ายคลึงกับฤดูกาลที่แล้ว ส่งผลให้พวกเขาต้องทำแต้มหลุดมือ จนปล่อยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แซงขึ้นมาคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด

          อย่างไรก็ตาม แลมพาร์ด ก็ยืนยันว่า จะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แน่นอน โดยระบุว่า "มีหลายสิ่งที่คล้ายกับปีที่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะกับ จอห์น เทอร์รี่ ที่เราต้องเสียเขาไป จนเราต้องโยกให้ มิชาเอล เอสเซียง ถอยลงมาเล่นในตำแหน่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟ และนั่นก็ส่งผลให้แดนกลางของพวกเราอ่อนยวบลงไป"

          "แต่มาปีนี้ แม้ พวกเราไม่มี จอห์น เทอร์รี่ อีกครั้ง แต่พวกเรากลับมีผู้เล่นที่สามารถทดแทนตำแหน่งเขาได้เหมาะเจาะ ถ้าเราสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งจากปีที่แล้วให้เกิดประโยชน์ รับรองว่า มันจะทำให้คุณไม่พลาดทำแต้มหล่นหายไปไหนแน่" แลมพาร์ด กล่าวทิ้งท้าย