ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติสกอตแลนด์ ของสโมสร "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าไม่มีใครในทีม ตำหนิ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับชาวโปรตุกีส ซึ่งสังหารจุดโทษพลาดในเกมที่ ทีม บุกไปแพ้ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม 1-2 ในศึกพรีเมียร์ชิพ เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธ.ค.
ทั้งนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ เจ้าถิ่นไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 13 ของเกม จากลูกโหม่งของ โรนัลโด้ และมีโอกาสที่จะนำห่าง เป็น 2-0 หลังได้จุดโทษในนาทีที่ 64 จากการทำแฮนด์บอลของโจนาธาน สเป็คเตอร์ กองหลังทีม "ขุนค้อน" แต่ ดาวเตะแดนฝอยทอง ซึ่งอาสาสังหารจุดโทษ กลับยิงถากเสาออกไป หลังจากนั้น เวสต์แฮม ก็พลิกสถานการณ์ทำ 2 ประตูรวด ทำให้จบเกม เจ้าถิ่น เอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด 2-1
อย่างไรก็ตาม กองกลางเลือกวิสกี้ ก็ออกมาเผยว่า ไม่มีใครในทีมตำหนิ โรนัลโด้ ที่ยิงลูกโทษ โดยกล่าวกับ "เอ็มยูทีวี" สถานีโทรทัศน์ประจำสโมสรว่า "ความพ่ายแพ้ในช่วงท้ายเกมที่สำคัญเช่นนี้ มันเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมากแม้ โรนัลโด้ พลาดจุดโทษ แต่ เราก็ยังได้เปรียบที่คงนำอยู่ 1-0 และสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป จากลูกเซ็ตพีตของ เวสต์แฮม"
"มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปตำหนิโรนัลโด้ เพราะเขาทำผลงานอันวิเศษให้กับพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้เราคว้าชัยชนะ และ เก็บ 3 แต้มได้หลายในหลายๆ เกม เรายังคงอยู่ในตำแหน่งที่ลุ้นแชมป์ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรต้องคิดมากสำหรับลูกจุดโทษที่พลาดไปในวันนี้ มันเป็นความผิดพลาดของแต่ละคนที่ต้องรับผิดชอบ กับจังหวะลูกเซ็ตพีตที่ดับฝันของพวกเรา" ดาวเตะวัย 26 ปี กล่าว
ความปราชัยที่เกิดขึ้นส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำ 3 แต้มหลุดมือเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หฤโหดของการแข่งขันพรีเมียร์ช่วงเทศกาลคริสต์มาส อย่างไรก็ดี เฟล็ทเชอร์ ก็พร้อมแล้วที่จะมองไปถึงเกมที่เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำศึกกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในวันขึ้นศักราชใหม่ โดยระบุว่า "ทุกครั้งที่คุณทำแต้มหลุดมือ หรือ แพ้ คุณก็จะต้องกลับมาเอาชนะอีกครั้งให้ได้"
"เราต้องการที่จะผ่านพ้นช่วง คริสต์มาส ด้วยการเก็บแต้มให้มากที่สุด และ คลายความกดดันของพวกเราให้น้อยลง แต่โชคไม่ดี ที่มันไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ เราจะต้องเก็บ 3 คะแนน ให้เกมที่พบกับ เบอร์มิงแฮม ให้ได้และ เดินทางคว้าชัยชนะติดต่อกันอีกครั้ง ตอนนี้ พวกเราแทบจะรอให้ถึงเกมนั้นไม่ไหวแล้วซิ" กัปตันทีมขุนพล "ตาร์ตัน" กล่าวอย่างมุ่งมั่น
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47