เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ยืนยันเมื่อวันอังคารที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตนเองหาได้ชื่นชอบวิธีตะคอกใส่ลูกทีมยามเล่นกันไม่ได้ดังใจแต่อย่างใด

           กุนซือชาวสกอตต์ ได้รับกิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือ ในการปลุกกระตุ้นให้ลูกทีมมีฮึดกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีในสนามหากสถานการณ์ตกเป็นรองในครึ่งแรกของเกม ด้วยการตะโกนใส่ผู้เล่นอย่างแรง จนมีฉายา "แฮร์ไดร์เออร์" หรือ "เครื่องเป่าผม" อย่างไรก็ตาม เขาก็ออกมาเผยว่า ไม่สนุกเลยที่จะใช้วิธีดังกล่าวกระตุ้นลูกทีม

           เฟอร์กี้ กล่าวเปิดใจกับ "เดลี่ มิร์เรอร์" สื่อแท็บลอยด์เมืองผู้ดี ว่า "ผมยิ้มไม่ออกหรอก ถ้าทีมกำลังเล่นได้ห่วยแตก และผมก็ไม่ยอมปล่อยให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นหรอก มันน่าจะดีกว่า ถ้าเราเดินกลับลงไปลงสนาม และ ทุกสิ่งก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แน่นอนว่า น้อยครั้งที่จะไม่เกิดเหตุการ์เช่นนั้น เป็นธรรมดา เพราะเรามีนักเตะที่ต้องดูแล แต่นั่นก็เป็นการนำความท้าทายมาสู่พวกเขาเหมือนกัน"

           "นั่นคือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น เมื่อคุณจำเป็นต้องพูดเกี่ยวกับการมีสมาธิจดจ่อกับเกม ไม่ว่าจะเป็นการรักษารูปเกมไว้ หรือ การเดินเกียร์หน้าล่าประตูเต็มสูบ ดังนั้น จึงมีการพูดปลุกกระตุ้น 2 แบบของทีม คือ อย่างแรก ในกรณี ถ้าคุณกำลังเล่นได้ดี และ อย่างที่สอง ในทางตรงกันข้าม คือ คุณไม่ได้ทำเช่นนั้น" บรมกุนซือวัย 65 ปี กล่าวสาธยาย

           นายใหญ่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ยังกล่าวถึงวิธีแก้เกมของตนเองยามที่ลูกทีมเล่นกันไม่ได้ดังใจอีกว่า "การสังเกตในครึ่งแรกคือสิ่งสำคัญที่สุด คุณมีเพียง 7-8 นาทีที่จะแก้ทางหรือแก้ปัญหาสถานการณ์ ถ้าเกมไม่ได้เป็นไปตามแผนคุณไม่สามารถหลบเลี่ยงกรณีอย่างนี้ได้ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ทีมเราคุยกันจะเหมือนกับทีมอื่นๆ คุยกันในห้องแต่งตัวหรือเปล่า"

           "แต่ ผมพยายามที่จะรู้ถึงแก่นของปัญหาและจัดการกับมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้น คุณจะต้องกระตุ้นเด็กๆ ของคุณ ในการเริ่มต้นของช่วงครึ่งหลัง ในฐานะผู้จัดการทีม คุณจะต้องสรรหาคำพูด พร้อมกับใช้ น้ำเสียงที่เหมาะสม ที่จะทำให้ ผู้เล่นตระหนักถึงความรับผิดชอบให้มากยิ่งขึ้น และผู้เล่นสามารถรับรู้ได้ว่าจะปรับปรุงตัวเองได้อย่างไร" ป๋าเฟอร์กี้ กล่าวทิ้งท้าย