ป้ายว่าง

ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง "ผี & สิงห์"

canto7 2007-05-09 17:11:35

A PHP Error was encountered

Severity: Notice

Message: Undefined variable: tag_links

Filename: site/news-detail.php

Line Number: 47

ความเหมือนที่แตกต่างระหว่าง ผี & สิงห์            กูรูลูกหนังส่วนใหญ่มักจะบอกว่า "แชมป์มักจะตกเป็นของทีมที่ดีที่สุด" และก่อนที่ฤดูกาล 2006/07 ของศึกพรีเมียร์ชิพจะเปิดฉากขึ้นทุกฝ่ายคาดการณ์ว่าทีมดังกล่าวคือ "เชลซี"

           แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันเพราะท้ายที่สุดกลายเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ฉลองแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี 

           หนึ่งในปัจจัยสำคัญสู่การคว้าแชมป์ของยอดทีมจากค่ายโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือการผสมผสานอันลงตัวในแนวรับระหว่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์กับ เนมานย่า วิดิช รวมถึงฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้และ พอล สโคลส์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดกุญแจดอกสำคัญที่สุดคือฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาของพลพรรค "ปีศาจแดง" นั่นเอง

           ผู้คนมักจะกล่าวว่าองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้สำหรับทีมที่จะเป็นแชมป์ก็คือ "ดวง" แต่โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหากทีมดังกล่าวไม่ดีจริง ๆ พวกเขาก็คงไม่อาจพาทีมผ่านพ้นเกมหนักทั้ง 38 เกมได้หรอก

           อย่างไรก็ตามสำหรับผมแล้วไม่มีความแตกต่างระหว่าง แมนฯยูไนเต็ดและ เชลซี แม้ฤดูกาลนี้ถ้วยแชมป์จะตกเป็นของลูกทีมเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตาม จริงอยู่ที่การเล่นของ ยูไนเต็ด มีสเน่ห์ให้ชวนติดตามมากว่า เชลซี แต่ทีมจากกรุงลอนดอนก็มีแนวทางการเล่นที่แตกต่างออกไป แต่ก็ทรงประสิทธิภาพไม่แพ้กัน

           ข้อแตกต่างระหว่างทั้งสองทีมก็คือ แมนฯยูไนเต็ด มีเกมบุกดุดันและเกมสวนกลับอันรวดเร็วที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมได้มากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแนวทางการเล่นของ เชลซี นั้นไม่ดี เพราะการวางหมากของ โชเซ่ มูรินโญ่ ถือว่าทรงประสิทธิผล เพราะลูกทีมของเขาจะค่อย ๆ นวดคู่แข่งทีละนิด ๆ ก่อนหาจังหวะทำประตูออกนำและเก็บชัยชนะไปครองได้ในที่สุด

           สิ่งที่น่าสนใจในฤดูกาลหน้าก็คือบรรดาบริษัทรับพนันถูกกฏหมายจะยกให้สโมสรใดเป็นทีม "เต็งแชมป์" 

           ผมสังหรณ์ใจว่า เชลซี จะกลายเป็นทีมเต็ง เหมือนเก่า เนื่องจากเป็นต่อในเรื่องของงบประมาณด้านการเสริมทัพ เพราะมีนายทุนเงินหนาอย่าง โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซี่ยน รั้งบัลลังก์นายหัวแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อยู่ ทำให้ได้เปรียบทีมอื่นเวลามีปัญหานักเตะบาดเจ็บ, แบน เหตุเพราะตัวสำรองที่เรียงรายอยู่ข้างสนามก็มีดีกรีทีมชาติค้ำคอแทบทั้งนั้น

           แต่ถึงกระนั้นปัญหานักเตะบาดเจ็บก็มีส่วนทำให้ เชลซี ชวดแชมป์หลายรายการในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะตอนที่ ปีเตอร์ เช็กและ จอห์น เทอร์รี่ ถูกไข้เดี้ยงเล่นงาน เห็นได้ชัดว่าสถิติการเสียประตูของ เชลซี นั้นเพิ่มขึ้นจากตอนที่มีทั้งคู่อยู่ในสนามชัดเจน
 
           อย่างไรก็ดีนั่นไม่ใช่เหตุผลที่มีน้ำหนักพอกับการจะกล่าวว่า มูรินโญ่ ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงที่ไม่จัดการเสริมทัพในช่วงเดือน มกราคม ที่ผ่านมา แต่ทว่าเห็นได้ชัดสภาพทีมที่ไม่สมบูรณ์ก็มีผลต่อการลุ้นแชมป์ในระยะยาวและสุดท้ายแชมป์ก็หลุดลอยออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปจนได้

           ลิเวอร์พูลและ อาร์เซน่อล เป็นอีกสองทีมที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะยื้อแย่งความยิ่งใหญ่จาก แมนฯยูไนเต็ดกับ เชลซี แต่ปีนี้พวกเขากลับทำผลงานได้น่าผิดหวังมีแต้มตามหลังแบบไกลสุดกู่ โอกาสลุ้นแชมป์หมดไปตั้งแต่ยังไม่เข้าโค้งสุดท้ายของซีซั่น 

           ก่อนที่ฤดูกาลจะเปิดขึ้นผมคิดว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสอันดีที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพไปประดับตู้โชว์ที่แอนฟิลด์เป็นสมัยแรก แต่พวกเขากลับโชว์ฟอร์มในช่วงต้นซีซั่นไม่เอาอ่าว ทำเอาความหวังของสาวก "เดอะ ค็อป" ต้องดับลงไปตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ 

           จวบจนถึงวันนี้ ลิเวอร์พูล ไม่ได้สัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมาเป็นเวลากว่า 17 ปีแล้ว ยังดีที่เส้นทางสายยุโรปของทีมยังโปรยด้วยกลีบกุหลาบ ลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ มีสิทธิ์สร้างประวัติศาสตร์ผงาดขึ้นครองบัลลังก์จ้าวยุโรป 2 สมัยในรอบ 3 ปี 

           อย่างไรก็ตามกองเชียร์ "หงส์แดง" คงใจชื้นขึ้นเมื่อ "เอล ราฟา" ประกาศชัดแล้วว่าเป้าหมายอันดับหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลหน้าคือ ถ้วยพรีเมียร์ชิพ แต่ผมคิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องซื้อนักเตะมาเพิ่มอีกรายหรือ 2 ราย 

           สำหรับ อาร์เซน่อล ต้องยอมรับว่าพวกเขามีรูปแบบการเล่นที่น่าติดตาม ขุนพล "เดอะ กันเนอร์ส" ชุดนี้มีจุดเด่นตรงการเล่นบอลภาคพื้นอันทรงประสิทธิภาพและการเคลื่อนที่ แต่ปัญหาของ อาร์แซน เวนเกอร์ คือทีมของเขามักจะทำแต้มตกหล่นในเกมที่ไม่ควรจะเสีย 

           สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้ง อาร์เซน่อลกับ ลิเวอร์พูล ต้องตกเป็นพระรองของสองทีมหัวตาราง หากพวกเขาแก้ลำไม่ได้ ผมมั่นใจว่าปีหน้า 4 อันดับแรกของตารางก็คงไม่ผิดแผกไปจากปีนี้

           ที่น่าสนใจก็คือเส้นทางการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ชิพจะดำเนินไปในทางไหน อย่างที่บอกไว้แหละครับ "แชมป์มักจะตกเป็นของทีมที่ดีที่สุด"

Ads



Related Post