แม้จะต้องหยุดเส้นทางบนเวทีลูกหนังยุโรปไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ อาร์เซน่อล น่าจะกลายเป็นทีมที่จะกลับมาอย่างน่ากลัวที่สุดทีมหนึ่งของฟุตบอลรายการนี้ในฤดูกาลหน้า ก็คือ ฝีเท้าอันสุดมหัศจรรย์ของเจ้าหนู ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ฝากผลงานฟอร์มการเล่นอันสุดแสนอัศจรรย์ให้กับ อาร์แซน เวนเกอร์ นายใหญ่ ชาวฝรั่งเศส และแฟนบอลทั่วโลก ได้ชมถึงความเก่งกาจเป็นการส่งท้าย
ไม่น่าเชื่อเลยว่า การส่งดาวเตะวัย 19 ย่าง 20 ผู้นี้ ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล ที่ แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอังคาร ที่ผ่านมา จะช่วยเปลี่ยนเกมให้กับ "เดอะกันเนอร์ส" ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากการที่ทีมตกเป็นรองเจ้าถิ่นอยู่ 1-2 ในช่วงครึ่งหลัง ก็ทำให้ เวนเกอร์ ตัดสินปรับเกมโดยส่ง วัลค็อตต์ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ลงไปแทน ดิยาบี้ กับเอบูเอ้ ในนาทีที่ 71
และแล้ว เจ้าหนู ค่าตัวกว่า 12 ล้านปอนด์ ซึ่ง เวนเกอร์ ฉกตัวมาจาก เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2006 ก็สำแดงฤิทธิ์เดช แบบชนิดที่แฟนบอล "หงส์แดง" ต้องนั่ง อึ้ง ทึ่ง เสียว ไปชั่วขณะ เมื่อในนาที 84 วัลค็อตต์ โชว์ความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลหนีนักเตะเจ้าถิ่น 3-4 คน จากแดนตัวเองไปจนถึงกรอบโทษแล้วเปิดเข้ากลางให้ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ แปโล่งๆ ตรงจุดโทษตุงตาข่าย และเป็นประตูตีเสมอ 2-2 ให้กับทีมปืนโต
แม้ประตูดังกล่าว จะไม่ช่วยให้ อาร์เซน่อล ไปได้ไกลกว่ารอบนี้ได้ แต่ เจ้าหนูวัลค็อตต์ ก็กลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่เจิดจรัสยิ่งขึ้น แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ ครั้งแรกที่ วัลค็อตต์ สร้างวีรกรรมตื่นตะลึงให้กับวงการลูกหนังอังกฤษ หากมองจากอายุการค้าแข้งอาชีพของเขาเพียงไม่กี่ปี
เพราะก่อนหน้านี้ อดีตเจ้าของรางวัลนักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ บีบีซี สถานีโทรทัศน์ชื่อดังในเมืองผู้ดี เริ่มต้นสร้างความมหัศจรรย์บนเส้นทางลูกหนังตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เมื่อจัดการซัดแฮตทริกตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามให้กับทีมโรงเรียน เอเอฟซี นิวบิวรี่ และในปีถัดมา วัลค็อตต์ ก็ผลิตสกอร์คนเดียวถึง 100 ลูก จาก 35 นัด พร้อมกับพาทีมโรงเรียนนิวบิวรี่ คว้าแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขัน จากนั้นในปี 2000 วัลค็อตต์ ได้รับโอกาสเข้าร่วมฝึกในโครงการค้นหาดาวรุ่งของเซาแธมป์ตัน ก่อนที่จะถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมสำรองด้วยวัย 15 ปีกับอีก 175 วัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในทีมสำรองนักบุญ
กราฟชีวิตของเจ้าหนูธีโอยังพุ่งแรงอย่างต่อเนื่อง จนฤดูกาล 2004-05 ได้รับการเรียกติดธงสิงโตคำรามชุดอายุไม่เกิน 17 ปี โดยลงเล่นไป 9 นัดพร้อมกับยิงไป 5 ประตู ก่อนที่จะสร้างสถิติให้กับสโมสรเซาแธมป์ตันอีกครั้ง ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ โดยลงสนามฐานะตัวสำรองในเกม เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ด้วยวัย 16 ปีกับอีก 143 วัน เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2005 ที่ผ่านมา
ทว่า สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรซ์ให้กับวงการฟุตบอลทั่วโลกตื่นตะลึงมากที่สุด ก็เห็นจะเป็นการที่ วัลค็อตต์ ถูก สเวน โกรันส์ อีริคส์-สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษสมัยนั้น เรียกติดธงไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้ายที่ เยอรมัน ทั้งที่ไม่เคยได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของกันเนอร์สมาก่อน แม้จะได้ถูกส่งลงสนาม แต่ก็นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยังคงต้องพูดถึงกันต่อไป
นอกจากนั้นแล้ว ในฤดูกาลนี้ วัลค็อตต์ ก็มีส่วนสำคัญที่เป็นผู้พลิกเกมให้กับ อาร์เซน่อล ไม่น้อยทีเดียว แม้ผลงานการยิงประตูจะไม่ได้ถล่มทลาย แต่การกระชากลากเลื้อย รวมถึงการ ผ่านบอลที่แม่นยำของเขา ก็ช่วยให้ทีมได้ประตูสำคัญๆ หลายต่อหลายครั้งเช่นกัน
โดยเกมที่น่าจดจำในฤดูกาลนี้ สำหรับ หนุ่มน้อยผิวสีแทน ที่ควรพูดถึง ก็คือ เกมคาร์ลิ่ง คัพ รอบชนะเลิศ นัดแรก ที่พบกับ สเปอร์ส โดย วัลค็อตต์ ได้ลงสนามเป็นตัวจริง และเป็นผู้ยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ อาร์เซน่อล รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในนัดนี้ ช่วงเดือน ม.ค. หลังจากนั้น วัลค็อตต์ ก็กลายเป็นฮีโร่ยิง 2 ประตูในเกมพรีเมียร์ชิพ ที่เสมอกับ เบอร์มิงแฮม 2-2 ณ สนาม เซนต์ แอนดรูว์ เมื่อเดือน ก.พ.
ยิ่งไปกว่านั้น ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ เอซี มิลาน ที่ ซานซีโร่ เมื่อดือน มี.ค. วัลค็อตต์ ก็เป็นผู้ผ่านบอลให้ อเดบายอร์ ทำประตูตอกฝาโลง 2-0 ในช่วงท้ายเกม หลังจากที่ เชส ฟาเบรกัส ยิงไกลให้ทีมออกนำไปก่อน 1-0 ส่งผให้ อาร์เซน่อล เขี่ย แชมป์เก่าฟุตบอลถ้วยนี้ ตกรอบไปได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสถิติดังกล่าวจะยังไม่มากมายหากเทียบกับบรรดาผู้เล่นชั้นยอดของยุโรป อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ กาก้า ทั้งจากการส่งบอลให้เพื่อนทำประตูได้ 4 ครั้ง และ เจาะตาข่ายได้ 6 ลูก ในซีซั่นนี้ แต่ก็เชื่อว่า กับประสบการณ์และความสามารถที่สั่งสมของ วัลค็อตต์ ภายใต้การขัดเกลาของยอดเทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส ตัวเลขดังกล่าว จะเพิ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้นของเขาแน่
สำหรับ เกมดาร์บี้แมตช์ระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในวันอาทิตย์นี้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นของวัลค็อตต์ ควรถึงเวลาแล้วหรือยัง สำหรับโอกาสของ ปีกวัย 19 ปี ที่จะได้โอกาสโชว์ฝีเท้าเป็นตัวจริงให้กับ "เดอะกันเนอร์ส" ? หรือในซีซั่นหน้า เขาจะได้กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่ อาร์เซน่อล จะขาดเสียไม่ได้ ? เชื่อแน่ว่า ผู้ที่จะให้คำตอบดีที่สุด คงไม่ใคร เกิน ยอดเจ๊ดัน แห่งรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อย่าง เวนเกอร์
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47