แฟร้งค์ แลมพาร์ด มิดฟิลด์จอมทัพของทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี รองจ่าฝูงศึกพรีเมียร์ชิพอังกฤษ พร้อมกลับมาลงสนามช่วยทีม "สิงห์บูลส์" บุกไปเยือนถิ่น แอนฟิลด์ ของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับร่วมลีก ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก ในวันอังคารที่ 22 เม.ย.นี้ ภายหลัง สตีฟ คูต์เนอร์ เอเย่นต์ส่วนตัวของนักเตะออกมาแถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา

         กองกลางทีมชาติอังกฤษ พลาดลงสนามช่วยต้นสังกัดในเกมลีก 2 นัดล่าสุด ที่พบกับ วีแกน และ เอฟเวอร์ตัน ตามลำดับ เพื่อไปเฝ้า แพ็ท แลมพาร์ด มารดาซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคปอด ขณะที่ อัฟรามท์ แกรนท์ กุนซือชาวยิวของทีม ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะใช้งาน ดาวเตะวัย 29 ปี ลงเล่นเกมกับ ลิเวอร์พูล ช่วงกลางสัปดาห์นี้ หรือไม่

          อย่างไรก็ตาม เอเย่นต์ส่วนตัวของ แลมพาร์ด ก็ออกมาระบุว่า นักเตะในความดูแลพร้อมที่จะช่วยต้นสังกัดลงบู๊ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบตัดเชือก นัดแรก กับ ลิเวอร์พูล แน่นอน ภายหลังจากที่ แลมพาร์ด กลับไปฝึกซ้อมร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า "แฟร้งค์ แลมพาร์ด พร้อมลงสนามในเกมนี้ หลังจากใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์ ไปกับการเฝ้าอาการป่วยของมารดาของเขา"

          "แม้ว่า อาการของเธอจะยังทรงตัว แต่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะมีความแสงแห่งความหวังในช่วงเวลาที่มืดมนเช่นนี้ แฟร้งค์ อยากขอบคุณความเป็นห่วงเป็นใยที่มีให้กับเขาทั้งจาก สโมสร เชลซี และ สื่อต่างๆ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับตัวเขาและครอบครัว" เอเย่นต์อดีตแข้ง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด กล่าว

          ก่อนหน้านี้ นายใหญ่ชาวยิว ได้ออกมายอมรับว่า ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แลมพาร์ด พร้อมที่จะมีส่วนร่วมในเกมที่จะพบกับ ลิเวอร์พูล หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ฝากความห่วงใยไปถึงนักเตะในสังกัดของตนเองว่า "ผมบอกกับผู้เล่นของผมเสมอว่า ฟุตบอล เป็นสิ่งสำคัญมาก แต่บางครั้ง ก็มีบางสิ่งที่สำคัญกว่า นั่นคือ ครอบครัว ผมหวังว่าปัญหาของเขา (แลมพาร์ด) จะผ่านพ้นไปด้วยดีในที่สุด"

          สำหรับ ทีมดังแห่งเวสต์ ลอนดอน มีสภาพทีมที่ไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่ สำหรับภารกิจบุกถิ่น แอนฟิลด์ โดยนอกจาก แลมพาร์ด แล้ว ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กองหน้าทีมชาติไอวอรี่โคสต์ และ มิชาเอล บัลลัค จอมทัพชาวเยอรมัน ก็เป็นผู้เล่นแกนหลักอีก 2 ราย ที่ยังไม่แน่ว่าจะเรียกความฟิตกลับมาทันเวลาหรือไม่  

          "เราอาจจะหมดสิทธิ์ใช้งานทั้งเขา, บัลลัค และ ดร็อกบา ผมคิดว่าพวกคุณคงเห็นแล้วถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนในเวลาที่เราขาดแข้งตัวหลักไปเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น แล้วลองจินตนาการถึงสิ่งจะเกิดขึ้นหากเราต้องลงสนามโดยไม่มี แลมพาร์ด อยู่ในทีมด้วยสิ อย่างไรก็ดี ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากกับทีมชุดนี้ โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติตัว และการเก็บคะแนนสำคัญในเวลาที่ขาดขุนพลตัวหลัก" แกรนท์ กล่าวทิ้งท้าย