มิชาเอล บัลลัค มิดฟิลด์จอมทัพของสโมสร เชลซี ทีมดังในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ยินดีต้อนรับ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ว่าที่เจ้านายใหม่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ฤดูกาลหน้า แม้ว่ากุนซือทีมชาติโปรตุเกส จะสร้างวีรกรรมนำทีมชาติบราซิล คว่ำเอาชนะ ทีม "อินทรีเหล็ก" ในรอบชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มาได้ก็ตาม

        กองกลางกัปตันทีม ซึ่งติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก เมื่อ 6 ปีก่อน กล่าวให้เหตุผลว่า "แม้ผมจะไม่ได้เล่น แต่ในนัดชิงชนะเลิศ ของศึกฟุตบอลโลก ครั้งนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในอาชีพค้าแข้งของผม แต่ แน่นอนว่า ผมให้อภัย สโคลารี่ ซึ่งตอนนี้ คือ ผู้จัดการทีมของผมที่เชลซี"

        "ถึงผมจะยังไม่รู้จักเขาดีนัก แต่ แน่นอนละ เขาคุมทีมได้อย่างสุดยอด และมีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการลูกหนัง เขาคว้าแชมป์มาอย่างมากมาย ซึ่งรวมถึงการพา โปรตุเกส เข้าชิงชนะเลิศ ในศึก ยูโร 2004 และ พา บราซิล คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ได้ในปี 2002 ดังนั้น เขาจึงเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาก รวมถึงยังเป็นที่ยอมรับของผู้เล่นทุกคนอีกด้วย" ดาวเตะวัย 30 ปี กล่าว

        สำหรับ บัลลัค มีโอกาสทำความคุ้นเคยกับ สโคลารี่ ก่อนกำหนด หลังจากที่ ขุนพล "อินทรีเหล็ก" พลาดท่าพ่ายต่อ โครเอเชีย 1-2 ในเกมรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 ทำให้มีโอกาสสูงที่ พวกเขาจะจบรอบนี้ ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของตาราง กลุ่ม บี ซึ่งถูกวางโปรแกรมให้พบกับ ทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม เอ ที่ ตอนนี้ มี โปรตุเกส รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง หลังเก็บได้ 6 คะแนนเต็ม จาก 2 นัดที่ผ่านมา ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ "ยูโร 2008" ที่ประเทศ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์

        อย่างไรก็ตาม อดีตแข้ง บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังไม่คิดไกลไปขนาดนั้น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือ การมุ่งสมาธิไปที่เกมนัดสุดท้าย ของรอบแบ่งกลุ่มที่พบ กับ ทีมเจ้าภาพร่วม ออสเตรีย ซึ่งต้องการ 3 คะแนน สถานเดียว หากยังต้องการโอกาสเข้ารอบต่อไป โดยระบุว่า "ตอนนี้ ผมคิดถึงเกี่ยวกับเกมที่พบกับ ออสเตรีย ซึ่งเป็นเกมที่หนักหนาเอาการ แล้วหลังจากนั้น เราถึงสามารถคิดไปถึงการอาจได้เล่นกับ โปรตุเกส"

       "เกมกับ ออสเตรีย อาจแตกต่างจากนัดที่พบกับ โครเอเชีย แต่มันยังคงเป็นเกมที่ยากเช่นเดิม เราผิดหวังกับฟอร์มการเล่น (กับโครเอเชีย) ของพวกเรามาก เพราะเราไม่ได้เล่นในเกมของตนเองตั้งแต่ต้น และพวกเขา (โครเอเชีย) ก็วางแผนมากดดันแผงมิดฟิลด์ของเราจนแทบกระดิกไปไหนไม่ได้ ซึ่งก็เท่ากับว่า ไม่ปล่อยให้ พวกเราได้เปิดเกมและสร้างสรรค์โอกาสได้เลย" บัลลัค ทิ้งท้าย