สามสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป อย่าง บาร์เซโลน่า, แวร์เดอร์  เบรเมน และ ชาลเก้ 04 ได้เฮลั่น เมื่อชนะอุทธรณ์ในกรณีคัดค้านการปล่อยให้นักเตะในสังกัดเดินไปเล่นให้กับทีมชาติของตัวเองในศึกโอลิมปิกส์ เกมส์ 2008 ที่กรุงป้กกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 7 ส.ค.นี้

      ผลการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (ซีเอเอส) ซึ่งประกาศออกมาในวันนี้ จะทำให้ บาร์ซ่า ต้นสังกัดของ ลีโอเนล เมสซี่ กองหน้าตัวเก่งของ บาร์ซ่า มีสิทธิ์ห้ามนักเตะลงแข่งฟุตบอลให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่ปักกิ่งเกมส์ เช่นเดียวกับ เบรเมน และ ชาลเก้ 04 ต้นสังกัดของ ดีเอโก้ และ ราฟินญ่า ตามลำดับ ก็จะมีสิทธิ์ขวางทางนักเตะลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลเช่นกัน

      แถลงการณ์จาก ซีเอเอส ให้เหตุผลว่า "ตามความเห็นของฟีฟ่าที่บอกให้สโมสรปล่อยตัวผู้เล่นของพวกเขา เนื่องด้วยเหตุผลในเรื่องสปิริตของโอลิมปิกส์นั้น ซีเอเอส เห็นว่า นี่เป็นเพียงความตั้งใจและความปรารถนาดีของฟีฟ่า มากกว่าที่จะเป็นการผูกมัดหรือคำตัดสินเด็ดขาดแต่อย่างใด"

      หลังจากเกิดเรื่องยื้อหยุดฉุดกระชากระหว่างสโมสรกับนักเตะในสังกัดตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ก็ได้ออกมาระบุเสียงแข็ง เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ตามกฎของฟีฟ่านั้น สโมสรจะต้องปล่อยตัวนักเตะที่อายุ 23 ปี หรือ ต่ำกว่านั้น ไปโอลิมปิกส์ ถ้าชาติของพวกเขาได้ร้องขอมา แต่จากการตัดสินในครั้งนี้ ได้ทำให้ เซ็ป แบล็ตเตอร์ ประธานฯ ฟีฟ่า รู้สึกผิดหวังไม่น้อย

      "ฟีฟ่า รู้สึกประหลาดใจและผิดหวังกับการตัดสินในครั้งนี้ ผมเสียใจที่ ซีเอเอส ไม่เคยให้สปิริตของโอลิมปิกส์ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา แต่พวกเราย่อมเคารพมันอยู่แล้ว อย่างไรก็เสีย ผมก็จะขอร้องให้สโมสรต่างๆ ยอมปล่อยตัวนักเตะไปมีส่วนกับโอลิมปิกเกมส์ เพราะนั่นจะแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามสปิริตของโอลิมปิกส์ และมันก็น่าจะเป็นเรื่องวิเศษสำหรับ ผู้เล่น, แฟนๆ และเกมการแข่งขันเช่นกัน" แบล็ตเตอร์ กล่าว