กองเชียร์ "ผีแดง" หลายคน คงนั่งเกาหัวแกลกๆ กับฟอร์มการเล่นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ของเหล่าขุนพล "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงออกสตาร์ทฤดูใหม่ แล้วพลางทำหน้าเป็นเครื่องหมายสงสัยว่า "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับทีมรักของตนเอง"
เพราะ ผลงาน แพ้ 2 เสมอ 3 และ ชนะ 1 นัด และยิงได้เพียง 4 ประตู จาก 6 นัด อย่างเป็นทางการที่ผ่านมา มันคงเป็นเรื่องที่รับไม่ค่อยได้ สำหรับแฟนบอล "เร้ดเดวิลส์" ซึ่งมีศักดิ์ศรี แชมป์เก่าพรีเมียร์ชิพ และ สโมสรยุโรป ค้ำคออยู่
เกมรับที่ว่าเหนียวแน่น กลับเล่นพลาด และเสียประตูแทบจะทุกนัด เช่นเดียวกับ เกมรุกที่ถือว่าเป็นอาวุธเด็ด ก็กลับจืด ฝืด สนิท กว่าจะหาโอกาสส่องคู่ต่อสู้ได้แต่ละที ช่างเป็นเรื่องยากเย็นกว่า เข็นครกขึ้นภูเขา เสียอีก
ส่วนแดนกลาง ไม่ต้องพูดถึง ไร้ไอเดีย ยิงไกลก็ไม่ได้ ลากเลื้อยก็ไม่เป็น นึกแล้วช่างอิจฉา ทีมคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ที่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด เป็นจอมทัพ รวมไปถึง เชลซี ที่มีแฟร้งค์ แลมพาร์ค และ อาร์เซน่อล มี เชส ฟาเบรกัส
แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ละ? ใช่ผู้เล่นอย่าง พอล สโคล์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, โอเว่น ฮาร์กรีฟ, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หรือ?
สารภาพตามตรงว่า จิตนาการภาพไม่ออกเลยจริงๆ...เพราะไม่มีใคร มีท่าทีเป็นผู้นำของทีมเลย !
แต่แล้ว ชื่อของ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ก็ผุดขึ้นมาในหัว หลังจากที่เขาหายเจ็บและกลับมาลงสนามได้เป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 2 เดือน ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก กับ บียาร์เรอัล
แม้จะไม่อาจช่วยให้ทีมชนะได้ แต่ จอมสับสยอง ก็ทำให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" กลับรู้สึกถึงความฮึกเหิมและความคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเชื่อได้ว่า นับแต่นี้ไป โรนัลโด้ จะคือผู้ที่เข้ามาสวมบทจอมทัพให้กับสถานการณ์ของทีมที่กำลังเคว้งคว้าง
เพราะการได้ มิดฟิลด์วัย 23 ปี ผู้นี้ กลับมาในช่วงเวลาน่าอึดอัดใจแบบนี้ ยูไนเต็ด เหมือนได้เกิดใหม่ เพราะภาพของ โรนัลโด้ บนสนามหญ้าสีเขียว มันเหมือนสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของ ยูไนเต็ด ก็ไม่ปาน
ต้องยอมรับว่า ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากสิ่งที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสกอตต์ ได้สร้างค่านิยมและระบบทีมที่อาจบิดเบี้ยวไปจากแนวทางการเดิมๆ เป็นได้
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง ค่านิยมที่ปลูกฝังว่า "โรนัลโด้" คือ ทุกสิ่งทุกอย่าง และ ระบบการเล่นแบบ "โรนัลโด้ภิวัฒน์"
เซอร์ อเล็กซ์ พยายามสร้างจุดเด่นให้กับ โรนัลโด้ จากผู้เล่นปีกธรรมดา กลายเป็นหน่วยพิฆาตประตูเบอร์ 1 รวมถึงยังสร้างระบบการเล่นที่นักเตะทุกจะต้องพยายามฉีกออกจากตำแหน่งตัวเองเพื่อมาเล่นบอล และส่งบอล หาจังหวะให้ โรนัลโด้ เป็นผู้ ปิดบัญชี
ทำไม เฟอร์กี้ ถึงคิดแบบนี้ ...
อาจเป็นเพราะ ด้วยคุณสมบัติการยิงประตูที่เฉียบขาด รวมถึงรูปร่าง ความปราดเปรียว ในการฉีกหนีคู่ต่อสู้ จึงทำให้ หน้าที่นี้ ตกเป็นของเขา
ขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ กับ คาร์ลอส เตเบซ กองหน้ามืออาชีพของ "ปีศาจแดง" ทั้งสองมีข้อเสียเปรียบจากรูปร่าง ที่ไม่สูงใหญ่ ทำให้การจะไปปะทะกับกองหลังตัวสูงๆ ก็คงจะไม่ได้ผลนัก ดังนั้น ทั้งคู่ จึงมักถูกถ่างออกมาข้างๆ เสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วปล่อยให้ โรนัลโด้ วิ่งโฉบเข้ามาตรงกลาง เพื่อทำประตู
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ได้กลายเป็นรากฐานของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคใหม่ ไปเกือบจะโดยปริยาย และได้หักดิบรากฐานเดิมๆ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยถูกยกย่องให้เป็นสโมสรที่มีระบบการเล่นเป็นทีมมากที่สุดทีมหนึ่ง ไม่มีการพึ่งดาวดังคนใดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ การยิงประตู ที่ปัจจุบัน ทุกอย่าง ไปตกอยู่กับ ความชี้เป็นชี้ตาย ของ โรนัลโด้ แต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ การปล่อยให้ โรนัลโด้ เป็นผู้เล่นที่คาบเกี่ยวกันระหว่าง กองหน้า กับ กองกลาง ก็เหมือนจะส่งผลให้รูปแบบการเล่นในแผงมิดฟิลด์ ต้องไปเพิ่งการสร้างสรรค์เกมจากกลางไปหน้าของ โรนัลโด้ มากเกินไปเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลากเลื้อย, การโยนบอล หรือ การยิงลูกนิ่งต่างๆ
ก็ได้แต่หวังว่า หลังจากได้ โรนัลโด้ กลับมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีมแล้ว ผลงานของ "ปีศาจแดง" จะกลับมาเข้ารูปเข้ารอย และเราคงอยากได้ยินประโยคสุดคลาสซิค ที่ว่า "นี่คือผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด ในรอบ 21 ปี ของการคุมทีม" กล้าออกมาจากปาก เซอร์ เฟอร์กี้ อย่างเต็มปากเต็มคำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม บางที บรมกุนซือชาวสกอตต์ ก็ควรจะต้องไปขบคิดถึงการแก้ค่านิยมและระบบทีมที่จำเป็นต้องพึ่ง ดาวเตะวัย 23 ปี มากเกินไป ให้ได้ด้วย
เผื่อหากในวันหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มี โรนัลโด้ แล้ว ทีมจะได้อยู่กันได้ ยังไงล่ะ...
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47