ลูคัส โพดอลสกี้ ศูนย์หน้าพระรองของบาเยิร์น มิวนิค ทีมดังในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ออกมาประกาศชัด เมื่อวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เขาตัดสินใจเตรียมเก็บกระเป๋าย้ายออกจากถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า ในช่วงปีใหม่นี้ อย่างแน่นอน หลังจากที่ไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม "เสือใต้" ได้เลย
หลังจบทัวร์นาเม้นต์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" ที่ประเทศออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา หลายทีมดังในยุโรป อาทิ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สองทีมชั้นนำแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สนใจคว้า โพดอลสกี้ ซึ่งทำผลงานได้อย่างโดดเด่นให้กับทีมชาติเยอรมัน มาร่วมทีม เนื่องจากนักเตะเริ่มไม่มีความสุขกับต้นสังกัด เพราะไร้ตำแหน่งตัวจริง
อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น เพราะ บาเยิร์น ปฏิเสธเสียงแข็งที่จะปล่อยตัวอดีตดาวยิง โคโลญจ์ มาโดยตลอด ขณะเดียวกัน สตาร์วัย 23 ปี ก็ตกหลุมคำหว่านล้อมของ เจอร์เก้น คลิ้นมันน์ กุนซือคนใหม่ ซึ่งเข้ามารับงานต่อจาก อ็อตมาร์ ฮิตเฟลด์ ด้วยการกล่าวให้ความหวังว่า เขายังอยู่ในแผนการทำทีมและมีโอกาสกลับคืนสู่ทีมตัวจริงได้อย่างแน่นอน
ทว่า เมื่อฤดูกาล 2008/2009 เปิดฉากขึ้น จนถึงนัดที่ 14 แล้วนั้น โพดอลสกี้ ก็ยังเป็นได้แค่ตัวเลือกเบอร์ 2 รองจากคู่กองหน้าอย่าง มิโลสลาฟ โคลเซ่ และ ลูก้า โทนี่ และล่าสุด จากการทีมดังแคว้นบาวาเรีย ได้เซ็นสัญญายืมตัว แลนดอน โดโนแวน กองหน้าทีมชาติสหรัฐฯ ของ ลอสแอลเจลลิส กาแล็กซี่ ทีมดังในศึกเมเจอร์ลีก มาร่วมทัพเป็นเวลา 3 เดือน ก็เหมือนจะเป็นฟางเชือกสุดท้ายที่ทำให้ โพลดอสกี้ ไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
ศูนยหน้าทีมชาติเยอรมัน ซึ่งยิงประตูให้ทีม "อินทรีเหล็ก" ไปแล้ว 31 ลูก จากการลงสนาม 60 นัด เผยถึงอนาคตค้าแข้งของตัวเองผ่าน "บิลด์" หนังสือพิมพ์ชั้นนำเมืองเบียร์ ว่า "ผมได้ตัดสินใจแล้วว่า ผมอาจจะย้ายออกจากสโมสร และผมก็ได้บอกกับฝ่ายบริหารแล้วเช่นกันว่า ผมต้องการย้ายทีมช่วงฤดูหนาวนี้"
สำหรับ โพดอลสกี้ ย้ายจาก โคโลญจ์ มาสวมเสื้อทีมแชมป์บุนเดสลีกา 21 สมัย เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2006 ซึ่งตลอด 2 ปี ในถิ่น อันลิอันซ์ อารีน่า เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงโชว์ฝีเท้าเท่าไหร่ โดยจะเห็นได้จากการที่ หัวหอกเชื้อสายโปแลนด์ ลงเล่นในเกมลีก ให้ บาเยิร์น ไปเพียง 58 นัด และทำได้เพียง 12 ประตู เท่านั้น
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47