กุส ฮิดดิ้งค์ เทรนเนอร์จอมแท็คติกของทีมรัสเซีย ออกมายอมรับว่า จะรับตำแหน่งผู้จัดการทีม เชลซี สโมสรดังในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ จนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ ควบคู่ไปกับการนั่งเอ้าอี้ทีม "หมีขาว" จากรายงานเมื่อวันพุธที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา
นายใหญ่ชาวดัตช์ รับงานร้อนต่อจาก หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ อดีตกุนซือชาวบราซิเลี่ยน ที่โดนเด้งออกจากเก้าอี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายหลังดำรงตำแหน่งบอสใหญ่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพียง 6 เดือนเท่านั้น และเขาจะเตรียมพบปะกับลูกทีม "สิงห์บูลส์" ก่อนเกมเอฟเอ คัพ รอบที่ ห้า ที่ต้องบุกไปเยือน วัตฟอร์ ในวันเสาร์ที่ 14 ก.พ.นี้
ฮิดดิ้งค์ ในวัย 62 ปี ซึ่งตอนนี้ คุมทัพ "หมีขาว" อยู่ที่ประเทศตุรกี ออกมาระบุถึงเรื่องนี้เพียงสั้นๆ ว่า "เราพบกันคนละครึ่งทาง และมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อทีมชาติรัสเซีย ตอนนี้ ผมอยากโฟกัสอยู่กับปัจจุบัน และในอนาคต ผมจะมีสมาธิกับทีมชาติรัสเซียอย่างเต็มที่แน่นอน" อดีตกุนซือทีมชาติเกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย ระบุ
คาดหมายกันว่า เกมเอฟเอ คัพ ในวันเสาร์นี้ จะนั่งดูลูกทีมอยู่บนอัฒจรรย์เพียงเท่านั้น โดยปล่อยหน้าที่สั่งการเป็นของ เรย์ วิลกิ้นส์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม ดูแลชั่วคราวไปก่อน ก่อนที่เขาจะเข้าคุมทีมอย่างเป็นทางการในเกมพรีเมียร์ลีก ที่ เชลซี จะบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ในวันสุดสัปดาห์ถัดไป
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ แถลงการณ์ของทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" จะออกมาประกาศยืนยันการแต่งตั้งดังกล่าว ฮิดดิ้งค์ ก็เคยออกมาแย๊บๆ ว่า เขาพร้อมแล้วที่จะรับงานที่ เชลซี เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับ โรมัน อับราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ด้านการเงินรายใหญ่ให้กับทีมชาติ "หมีขาว" แต่ก็ไม่รับปากว่าจะคุมทีมเป็นการถาวรหรือไม่
"มันเป็นการช่วยเหลือกันฉันท์เพื่อน อับราโมวิช มีบุญคุณต่อทีมชาติรัสเซียมาก ซึ่งผมอยากตอบแทนให้กับเขาบ้าง ผมคิดว่า ผมสามารถทำได้ เพราะเรา (รัสเซีย) มีเกมลงเตะเพียง 1 แมตช์เท่านั้น ในเดือนเม.ย.และ 1 แมตช์ ในเกมมิ.ย. ผมเตรียมไปพบเขาอีกในช่วงวันสองวันหลังจากนี้ แต่ผมจะยังไม่เซ็นสัญญาคุมทีมถาวร" ฮิดดิ้งค์ ระบุ
สำหรับ ฮิดดิ้งค์ ประสบความสำเร็จมากมายในการคุมทีมระดับสโมสรภายในประเทศบ้านเกิด อย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เช่นเดียวกับ การคุมทีมชาติ ซึ่งเขาพา ฮอลแลนด์ ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ในศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ ฝรั่งเศส, พาเกาหลีใต้ ได้อันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก อีกสี่ปีถัดมา ที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ, พา ออสเตรเลีย ผ่านเข้ารอบสอง ในฟุตบอลโลก 2006 ที่ เยอรมัน และล่าสุด ในศึกยูโร 2008 ที่ ออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์ เขาก็สามารถนำ รัสเซีย ทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือกได้สำเร็จ
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47