แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาปฏิเสธรายงานข่าว ขัดขวางการใช้เงินเสริมทัพของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เนื่องจากหนี้สินล้นพ้นตัว ภายหลังการเข้ามาถือครองกิจการของครอบครัวเกลเซอร์ ยันเป็นกุนซือปิศาจแดงเอง ที่ไม่ใช้เงินซื้อผู้เล่น เนื่องจากว่ายังไม่ถูกใจ

                ทั้งนี้แมนฯ ยูไนเต็ด กลายสภาพจากสโมสรที่ร่ำรวยที่สุด สโมสรหนึ่งของโลกมาเป็นทีมที่มีหนี้เยอะที่สุดในโลก หลังจากการเข้ามาเทกโอเวอร์ของครอบครัวเกลเซอร์ 4 ปีที่แล้ว เหตุก็เนื่องมาจากการที่มหาเศรษฐีอเมริกัน ใช้เงินที่กู้หนี้ยืมสินมาซื้อ

                อย่างไรก็ตามเทชิน นายานี่ โฆษกครอบครัวเกลเซอร์ กล่าวว่าสถานภาพของสโมสรตอนนี้ดีขึ้น “เรามีหนี้ค่อนข้างจะมาก แต่การจ่ายดอกเบี้ยของเราตกปีละ 43.3 ล้านปอนด์ต่อปี ขณะที่กำไรจากการบริหารอยู่ที่ 80 ล้านปอนด์ บวกกับกำไรจากการซื้อขายอีก 25 ล้านปอนด์ พูดได้เลยว่าตอนนี้เราบวกอยู่ 60 ล้านปอนด์ เงินจำนวนนี้นำมาลงทุนสร้างทีม สร้างห้องน้ำ หรือซื้อพรมใหม่ได้”

                “ประเด็นก็คือว่าตอนนี้เงินกำลังไหลเข้ายูไนเต็ด”

                “อย่างหนึ่งที่ชัดเจนก็คือว่า เนื่องจากโลกาภิวัตน์ และการเติบโตของชนชั้นกลางในอินเดีย และตะวันออกไกล ความสนใจฟุตบอลสูงขึ้น และเราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น”

                ซัมเมอร์นี้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมจ่ายไปเพียง 22 ล้านปอนด์ จากทั้งหมด 80 ล้านปอนด์ ที่ได้จากขายคริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างไรก็ตามนายานี่กล่าวว่า เฟอร์กูสัน ไม่ได้ถูกขวางห้ามใช้เงิน เพราะฐานะการเงินของสโมสร

                เขากล่าวว่า “ความจริงมันเข้าใจง่ายกว่าที่พูดกันเยอะเลย ที่เราดึงตัวนักเตะได้ช้าก็เนื่องจากว่าเฟอร์กูสัน หานักเตะที่เขาเห็นว่าตั้งใจเล่นให้ทีมจริงๆ ไม่ได้ เขาไม่ต้องการซื้อนักเตะที่มาเพราะเงิน และก็ไม่ต้องการจ่ายค่าจ้างสูง และเห็นนักเตะเล่นให้ไม่เต็มที่”