"ฝรั่งเศสที่เข้ารอบสุดท้ายมา 6 ครั้งติดหวังจะคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่ได้มาในปี 1984 และ 2000 "
ผลงานดีที่สุดในยูโร: แชมป์ปี 1984 และ 2000
โค้ช: โลรองต์ บลองก์
ดาวยิงสูงสุด: ตลอดกาล - เธียร์รี่ อองรี (51 ประตู)
ปัจจุบัน - คาริม เบนเซม่า (13)
ลงเล่นมากที่สุด: ตลอดกาล - ลิลิย็อง ตูราม (125)
ปัจจุบัน- ฟลอร็องต์ มาลูด้า (73)
ก่อตั้ง: 1919
ฉายา: Les Bleus (The Blues)
ปรีวิว
ช่วงแห่งความยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสระหว่างการเปลี่ยนศตวรรษ ที่พวกเขาได้แชมป์โลกปี 1998 และแชมป์ยุโรป 2 ปี ช่างดูห่างไกลสำหรับฝรั่งเศสชุดปัจจุบัน ขุนพลตราไก่ตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2002 และ 2010 ขณะที่ปี 2006 ได้รองแชมป์ในยูโร 2004 และ 2008 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ภายใต้การนำของโลรองต์ บลองก์ ทีมตราไก่กลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง และชัยชนะเหมือนเช่นในอดีตดูจะไม่ไกลเกินฝัน กระนั้นในรอบคัดเลือกพวกเขามีแผลด่างในเกมนัดสุดท้ายที่พบกับบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา
รอบคัดเลือกยูโร 2012
กลุ่ม ดี: แชมป์
ดาวซัลโว: โยอานน์ กูร์คุฟฟ์, คาริม เบนเซม่า, ฟลอร็องต์ มาลูด้า (3)
เล่นเยอะสุด: อูโก้ โยริส (10)
แชมป์ ยุโรปสองสมัยได้ประตูช่วงท้ายเกมจากการสังหารจุดโทษของซามีร์ นาสรี่ ช่วยให้ทีมเสมอบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา 1-1 ในนัดสุดท้าย และคว้าสิทธิ์เล่นรอบสุดท้ายยูโร 2012 ทีมตราไก่ของโลร็องต์ บลองก์ นำในกลุ่มดีเกือบจะตลอดการเล่นรอบคัดเลือก แม้จะเริ่มต้นด้วยการแพ้เบลารุสคาบ้าน แต่หลังจากนั้นทำผลงานชนะ 2-0 สามนัดรวด
บลองก์ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้คุมฝรั่งเศสหลังผลงานที่น่าขายหน้าในฟุตบอลโลก 2010 ฝรั่งเศสเริ่มต้นด้วยการแพ้นอร์เวย์ในนัดอุ่นเครื่อง และเบลารุสในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นพวกเขาทำสถิติไม่แพ้ใครหลายนัดติดต่อกัน รวมทั้งการเอาชนะอังกฤษ และบราซิล พวกเขาไม่แพ้ใคร 17 นัด แม้จะยังห่างจากสถิติไม่แพ้ใคร 30 นัดของพวกเขาที่ทำได้ในช่วงทศวรรษ 1990
การ เสมอ 0-0 ที่โรมาเนียเดือนกันยายน 2011 เป็นการเล่นรอบคัดเลือกยูโร นัดที่ 100 ของฝรั่งเศส ที่ต่างกับนัดแรกของพวกเขามากนั่นคือการถล่มกรีซ 7-1 วันที่ 1 ตุลาคม 1958 ขณะที่เกมในบ้านกับบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา เป็นการเล่นนัดที่ 750
EURO pedigree
ฝรั่งเศสเข้ารอบสุดท้ายยูโรเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ครั้งหลังสุดที่พวกเขาพลาดคือปี 1988 หรือ 4 ปีหลังจากที่ได้แชมป์ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ และเอาชนะสเปนได้ในนัดชิง
แชมป์ ยุโรปครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสทำได้ในยูโร 2000 ทีมของโรเช่ร์ เลอแมร์ เป็นทีมที่สองถัดจากเยอรมัน ตะวันตก (1972, 1974) ที่ได้แชมป์โลก และแชมป์ยุโรปติดต่อกัน แต่ก็จวนเจียนทีเดียว ลูกโทษของซีเนอดีน ซีดาน ช่วงต่อเวลาพิเศษช่วยให้ฝรั่งเศสเอาชนะโปรตุเกส ก่อนซิลแว็ง วิลตอร์ จะยิงตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บเฮือกสุดท้ายนัดชิงชนะเลิศกับอิตาลี ก่อนที่ดาวิด เทรเซเก้ต์ จะยิงประตูโกลเดน โกลให้พวกเขาชนะ
อย่าง ไรก็ตามฝรั่งเศสไม่ชนะในทัวร์นาเมนท์มา 7 นัดแล้ว โดยก่อนจะแพ้อิตาลีที่สวิตเซอร์แลนด์ 0-2 ในยูโร 2008 พวกเขาโดนเนเธอร์แลนด์ถล่ม 4-1 และเป็นการแพ้ที่ยับเยินที่สุดนับตั้งแต่แพ้บราซิล 2-5 ในฟุตบอลโลก 1958 รอบรองชนะเลิศ
โปรแกรมกลุ่มดี
11 มิถุนายน: พบ อังกฤษ
15 มิถุนายน: พบ ยูเครน
19 มิถุนายน: พบ สวีเดน
สถิติยูโร
ลงแข่ง
ทั้งหมด: 130 นัด ชนะ 73 เสมอ 33 แพ้ 24 ได้ 252 เสีย 119
รอบสุดท้าย: 28 นัด ชนะ 14 เสมอ 7 แพ้ 7 ได้ 46 เสีย 34
รอบคัดเลือก: 102 นัด ชนะ 59 เสมอ 26 แพ้ 17 ได้ 206 เสีย 85
ดาราประจำทีม
คาริม เบนเซม่า
เกิด: 19 ธันวาคม 1987
ตำแหน่ง: กองหน้า
กอง หน้าที่เรอัล มาดริด ดึงตัวจากโอลิมปิก ลียง มีทักษะการพังประตูที่เฉียบคมทั้งสองเท้า มีพลัง และความแข็งแกร่ง ในฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้ายเขาถูกมองข้าม สร้างความแปลกใจอยู่พอสมควรสำหรับแฟนบอล แต่ภายใต้การนำของบลองก์ เบนเซม่ากลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง
เบน เซม่า เกิดในครอบครัวเชื้อสายแอลจีเรีย ที่มีลูกทั้งหมด 10 คน เขาเล่นให้ทีมเยาวชนโอลิมปิก ลียงตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และมีสถิติการพังประตูที่น่าทึ่งทุกระดับของทีมเยาวชน ก่อนจะเลื่อนขั้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ ลงเล่นนัดแรกเดือนมกราคม 2005 หลังอายุครบ 17 ไม่กี่เดือน
เบน เซม่า ลงเล่นทีมชาติทุกระดับตั้งแต่ยู16 ถึง ยู21 ก่อนจะยิงประตูให้ฝรั่งเศสชุดใหญ่ นัดแรกที่เขาประเดิมทีมชาติในเดือนมีนาคม 2007 ที่ฝรั่งเศสอุ่นเครื่องกับออสเตรีย (ชนะ 1-0) ที่สต๊าด เดอ ฟรองซ์ และได้ร่วมทีมยูโร 2008 รอบสุดท้าย
เบน เซม่ามีผลงานการพังประตูที่ยอดเยี่ยมฤดูกาล 2007/08 กับลียง ที่ได้เป็นแชมป์ลีก 7 ปีติดต่อกัน และเป็นแชมป์ที่ 4 ของเขา จากการยิง 20 ประตู และเป็นสถิติดีที่สุดของเขาในลีก เอิง นอกจากนั้นยังยิงได้อีก 4 ประตูในแชมเปี้ยนส์ ลีก
หลัง จากยิง 17 ประตูในลีกเอิง และอีก 5 ในถ้วยยุโรป ปีสุดท้ายกับลียง เบนเซม่าย้ายมาอยู่กับเรอัล มาดริด และเซ็นสัญญา 6 ปี ฤดูกาลล่าสุดยิง 21 ประตูในลีกช่วยให้เรอัล มาดริดได้แชมป์ลา ลีกา
โค้ช
โลร็องต์ บลองก์
เกิด: 19 พฤศจิกายน 1956
อาชีพนักเตะ: มงต์เปลลิเย่ร์, นาโปลี, นีมส์, แซงต์ เอเตียน, โอแซร์, บาร์เซโลน่า, มาร์กเซย, อินเตอร์, แมนฯ ยูไนเต็ด
อาชีพโค้ช: บอร์กโดซ์, ฝรั่งเศส
บลองก์ ที่เล่นเป็นกองหลังอาชีพมา 20 ปี ได้แชมป์เฟรนช์ คัพกับมงต์เปลลิเย่ร์ปี 1990 แชมป์ลีกปี 1990 และแชมป์เฟรนช์ คัพ กับโอแซร์ปี 1996 แชมป์คัพวินเนอร์ส คัพกับบาร์เซโลน่าปี 1997 และแชมป์พรีเมียร์ ลีกกับแมนฯ ยูไนเต็ดก่อนจะแขวนสตั๊ดปี 2003
ฉายาของบลองก์คือ "ประธานาธิบดี" เนื่องจากความเฉียบขาด ความเป็นผู้นำ และความสง่างามของเขา
บลองก์ ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1998 กับทีมชาติฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าภาพ และเป็นคนยิงประตูโกลเดน โกล ให้ทีมชนะปารากวัยในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่พลาดนัดชิงชนะเลิศหลังจากที่โดนไล่ออกในเกมรอบรองฯ
บลองก์ ช่วยให้ฝรั่งเศสได้แชมป์ยูโร 2000 โดยการยิงประตูเดนมาร์กในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะอำลาทีมชาติในปีนั้น ลงเล่นทั้งหมด 97 นัดทำ 16 ประตู
หลัง จากที่ใช้เวลาเรียนโค้ช 4 ปีบลองก์คุมบอร์กโดซ์ปี 2007 ปีแรกพาบอร์กโดซ์คว้าอันดับ 2 และได้ดับเบิลแชมป์ (แชมป์ลีก และเฟรนช์ คัพ) ปี 2009 พาบอร์กโดซ์เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนจะรับช่วงต่อจากเรย์มงด์ โดเมเน็ก คุมทีมชาติฝรั่งเศสในซัมเมอร์นั้น และเป็นคนพาฝรั่งเศสเข้ารอบสุดท้ายยูโร 2012
ที่มา : Lomtoe.com
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47