ละครน้ำดีที่ เอติฮัด (แฟนผี ONLY)
ความแซ่บของชัยชนะเหนือ แมนฯซิตี้ ในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ครั้งที่ 164 ณ เอติฮัด สเตเดี้ยม ยังเหลือรสชาติติดปลายลิ้นของสาวก "ปีศาจแดง" หลงเหลือมาจากเมื่อวาน เพราะกว่าจะยัดเยียดความปราชัยแรกของฤดูกาลให้กับ "แชมป์เก่า" ได้ เนื้อหาของเกมนั้นคงบรรยายออกมาเป็นคำอื่นไม่ได้นอกจากคำว่า "หืดจับ"
ในฐานะสาวก "เร้ด อาร์มี่" เต็มตัว ก่อนเกมยังแทบไม่กล้าคิดไกลถึงการรวบสามแต้มกลับออกมาจากรั้วบ้านของอริร่วมเมืองด้วยซ้ำ แต่เมื่อแข้งอสูรออกสตาร์ทดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะ แมนฯยู ได้ประตูออกนำตั้งแต่ไก่โห่
จุดเกิดเหตุเริ่มต้นจาก แอชลี่ย์ ยัง ผู้ที่ถูก โรแบร์โต้ มันชินี่ เหน็บแนมว่าเป็นฉลามหนุ่มบนพื้นหญ้า ขึ้นเกมกราบซ้ายด้วยการจ้วงท่าฟรีสไตล์หนีแนวรับเจ้าถิ่น ก่อนปาดเข้ากลางให้ เวย์น รูนี่ย์ ยิงย้อนศรเสียบเสาแรกแบบที่ โจ ฮาร์ท ได้แต่ยืนมองเพราะขาเสียชีวิต (ตาย)
หลังจากดีใจได้ไม่นาน ให้หลังอีก 13 นาที รอยยิ้มก็วนมาเปื้อนหน้ากองเชียร์ทีมเยือนอีกครั้ง เพราะมาได้หมูรูนกดเม็ดสองให้ตัวเองพาทีมฉีกหนีเป็น 2-0 จากการป้อนของ ราฟาเอล แบ็กหัวหลิมที่ผมทรงใหม่ดึงดูดใจจนน่าโบกรับขวัญสักดอกด้วยความเอ็นดู
ถึงตอนนี้สกอร์ที่ปรากฏคงจะอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ หากคู่แข่งไม่ใช่ แมนฯซิตี้ และเชื่อเหลือเกินว่า ณ ตอนนั้นคอบอล ยูไนเต็ด ยังแอบซ่อนความอึดอัดภายใต้รอยยิ้มหากเช็กจากประวัติเกมรับของทีมรักที่ฤดูกาลลนี้ครองจ่าฝูงด้วยสถิติการเสียประตู ซึ่งดูดีกว่า สเปอร์ส ทีมเดียวจากบรรดาทีมครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ลีกทั้งหมด
การกิจด่านแรกเสร็จสิ้นเมื่อ ยูไนเต็ด เดินเข้าห้องพักด้วยความห่างเท่าเดิมหลังจากเดินทางมาครึ่งทาง เข้าสู่ยกสอง มันชินี่ ไม่รอช้าจัดการถอดเกรียนโอ้ออกจากแนวหน้าเพื่อส่งอดีตลูกหม้อของ "ปีศาจแดง" อย่าง คาร์ลอส เตเบซ ลงยืดหยุ่นเกม ซึ่งเกมรุกของเจ้าบ้านหวือหวาขึ้นและสตาร์อาร์เจนไตน์ใช้เวลาในสนามเพียง 8 นาที ก็สำแดงฤทธิ์ด้วยการถวายพานให้ ยาย่า ตูเร่ แปเน้น ๆ จุดประกายไล่ขึ้นมาเป็น 1-2
ข้ามเนื้อหาไปจุดหนึ่งในนาทีที่ 49 แอบงงท่านเซอร์เล็กน้อย เพราะจังหวะ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กำลังนั่งชันเข่าอยู่กับพื้นเหมือนจะเจ็บและขณะเดียวกันมีสัญญาณขอเปลี่ยนตัวจากข้างสนาม ทว่าพอตัดภาพไปกลายเป็น คริส สมอลลิ่ง ถูกส่งลงมาแทน อีแวนส์ ซะงั้น คนหนึ่งพึ่งหายเจ็บและอีกรายทำท่าจะเจ็บจึงแอบคิดในใจว่าการเสียประตูของผีแดงคงไม่หยุดเพียงเท่านี้
พอผ่านพ้นหนึ่งชั่วโมงดูเหมือนเกมของ แมนฯยู จะเริ่มเนือย เพราะหาจังหวะเข้าทำแบบจะแจ้งแทบไม่ได้เลย จนแล้วจนรอดเหตุการณ์ที่คิดไว้แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ดันเป็นจริง เมื่อทีมจ่าฝูงถูกลูกยิงแถวสองผีจับยัดของ ปาโบล ซาบาเลต้า ไล่ตีเสมอทั้ง ๆ ที่หลายซีซั่นก่อนหน้านี้ฟูลแบ็กอาร์เจนไตน์ซื้อโควต้าสอยตาข่ายไว้ปีละเม็ดเท่านั้น
ที่สำคัญคือตอนนี้กระแสความฮึกเหิมมันกลับไปอยู่ฝั่งเจ้าบ้านเป็นที่เรียบร้อย แถมเวลายังพอเหลือให้ แมนฯซิ ได้ล่าประตูชัยอีกต่างหาก ซึ่ง ณ จุดนี้คนไข้กลุ่มที่เป็นโรคหัวใจไม่ควรเปิดทีวีดูต่อ เพราะอาจได้ไปจบ 90 นาทีที่โรงพยาบาล เพราะบรรยากาศมันบีบคั้นเหลือเกิน
ด้วยสถานการณ์หลังพิงฝาถ้าเลือกได้นาทีนั้นแฟนผีแดงคงหวังให้เชิ้ตดำเป่าจบให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป เพราะหากซวย ๆ เสียเพิ่มอีกลูก เกรงว่าเช้าวันจันทร์จะได้สวมเสื้อกันฝนเข้าออฟฟิศ (กันน้ำลายของแฟนบอลทีมอื่น โดยเฉพาะ ... (ให้เดา .. ใบ้ว่าเคยเป็นแชมป์ยุโรป 5 สมัย)
จนแล้วจนรอดเทพธิดาแห่งโชคก็เข้าข้างคนมักน้อย เมื่อในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น แมนฯยู มาได้ฟรีคิกช่วยปลดล็อคความกดดัน เพราะจากเวลาที่เหลือถึงจะยิงไม่เข้าก็คงใกล้จบเกมเต็มที แต่มองจากด้านหลังแล้วระยะและมุมมันน่ารักน่าลุ้นจริง ๆ
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยืนตั้งศูนย์อยู่สักพักก่อนวิ่งเข้ามาบรรจงกดด้วยเท้าซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งวาบเข้าหากรอบ ซึ่งถ้าปล่อยวิถีไปตามธรรมชาติแล้ว ฮาร์ท มีสิทธิ์สะกิดออกหลังด้วยปลายมือ เพียงแต่โชคชะตามันถูกขีดไว้แล้วว่านี่ไม่ใช่วันของเขา บอลเลยแวะไปเช็ดหัวเข่าของ ซามีร์ นาสรี่ ก่อนหมุนหนีมือ ฮาร์ท ไปเช็ดเสาในเข้าไปอย่างสวยงาม
สรุปแล้วประตูชัยของ ยูไนเต็ด คาดว่าจะจบลงด้วยการเช็ดถึงสามครั้ง เพราะบอลเช็ดเข่าเปลี่ยนทางพุ่งเช็ดเสาเข้าและคาดว่าจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเช็ดหัวเข่าของ นาสรี่ จากจังหวะนั้นภาพตัดมาที่ เฟอร์ดินานด์ ซึ่งกำลังถลกเสื้อขึ้นโชว์ซิกแพ็คด้วยความสะใจ แต่แว่บแรกเหมือนกับว่า เฟอร์ดี้ จะทำผิดขั้นตอนแล้วคนพากษ์บอกว่าเจ้าตัวยกมือขึ้นต่อยคิ้วตัวเอง (ใครจะโง่ได้ขนาดนี้)
จากภาพช้าปรากฏว่า เฟอร์ดินานด์ ได้รับของฝากจากแฟนบอล "เรือใบสีฟ้า" ผู้ไม่ประสงค์จะออกนามพุ่งเข้าเหนือคิ้วอย่างแม่นยำ จะว่าไปจากหลายกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันก่อนหน้านี้ แมวมองพวกกีฬาขว้างจักร, พุ่งเพลนควรมาหาช้างเผือกแถวสนามบอล เพราะไม่ว่าจะพวกนี้ยืนไกลขนาดไหน แต่ก็ปาเหรียญ, ขวดหรือไฟแช็กตรงเป้าที่วางไว้ตลอด ทั้งที่บางสนามมีลู่วิ่งมาเป็นอุปสรรคคั่นไว้ด้วยซ้ำ
เวลานาทีเดียวไม่เพียงพอให้ แมนฯซิ ได้แก้ตัวและสุดท้าย เตเบซ ทำได้แค่ระบายอารมณ์ทิ้งทวนด้วยการเตะตามน้ำใส่ ฟิล โจนส์ ต่อหน้าต่อตาเจ้านายเก่า ก่อนผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน เป่านกหวีดปิดคดี ในที่สุด 90 นาทีอันแสนยาวนานก็สิ้นสุดลงด้วยสามแต้มสำคัญของ ยูไนเต็ด
แม้ว่าหนทางที่เหลือของการลุ้นแชมป์ยังอีกยาวไกล แต่อย่างน้อยสาวก "ปีศาจแดง" ก็ได้ระบายแค้นและตักตวงความสะใจ ด้วยความสำเร็จครั้งสำคัญต่อหน้าต่อตากองเชียร์คู่ปรับร่วมเมือง ซึ่งหลังจบงานนี้ทัพ "เร้ด อาร์มี่" คงอิ่มใจได้อีกหลายวันและกลับมาเจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการ ... สถานีหน้า สเตเดี้ยม อ๊อฟ ไลท์
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47