1.เอซี มิลาน
"ปีศาจแดง-ดำ" ในยุคของ มัลซิมิเลียโน่ อัลเลกรี้ เป็นคู่แข่งที่ยากเกินคาดเดา เพราะสามารถเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มปีนี้มาได้ ทั้งที่พลพรรค "รอสโซเนรี่" ไม่ชนะเกมยุโรปในรังเหย้า ซาน ซิโร่ มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่กลับทะยานเข้าสู่รอบน๊อคเอาท์ติดสอยห้อยตามแชมป์กลุ่ม C มาลาก้า ด้วยการฟาด 6 แต้มจากเกมเยือน 3 นัด ขณะที่การเสียสองคีย์แมนทั้ง ซลาตัน อิบราฮิโมวิชและ ธิอาโก้ ซิลวา ให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทว่าทรัพยากรที่หลงเหลือยังน่ากลัว โดย เควิน พริ๊นซ์ บัวเต็งและ สเตฟาน เอล ชาราวี่ ที่กระซวก 14 ประตูจากการเล่นในลีก 17 นัดคือกุญแจสำคัญของยักษ์หลับแดนมะกะโรนีในซีซั่นนี้
2.กลาสโกว์ เซลติก
ทีมบ้านใกล้เรือนเคียงสัญชาติสกอตแลนด์ทะยานเข้ามาสู่รอบนี้ได้อย่างน่าชื่นชม เพราะเดิมทีแชมป์ลีกแดนวิสกี้ถูกกาชื่อออกจากสารระบบไปแล้วตั้งแต่ ยูฟ่า คลอดโผรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อ เซลติก ตกอยู่ร่วมสายกับ บาร์เซโลน่า, เบนฟิก้าและ สปาร์ตัก มอสโก แต่ท้ายที่สุดอดีตแข้งดัง เลสเตอร์ ก็หักปากกาเซียนด้วยการพาลูกทีมอยู่รอดปลอดภัยมาถึงรอบน๊อคเอาท์ แถมตัวแปรสำคัญสำหรับการฝ่าด่านคราวนี้มาได้ดันเป็นการเปิดบ้านปราบ บาร์เซโลน่า ซึ่งดีกรีความประทับของแมตช์ดังกล่าวดราม่าถึงขั้นรีดน้ำตาออกจากขาร็อครุ่นเดอะอย่าง ร๊อด สจ๊วร์ต ได้เลยทีเดียว
3.เอฟซี ปอร์โต้
เชื่อว่าใจของสาวก "เร้ด อาร์มี่" หลาย ๆ คนคงอยากเจอกับ ปอร์โต้ ในรอบหน้าเหมือนกัน เพราะไหน ๆ ช่วงนี้ทีมรักกำลังฟอร์มดีก็ถือโอกาสทวงหนี้จากโจทก์เก่าเสียเลย หลังจากถูกทีมดังแดนฝอยทองเปิดบัญชีฝากประจำรอยแค้นมาตั้งแต่ปี 2009 ทว่าถ้าเจอกันจริงๆ ก็ไม่ควรประมาทเด็ดขาด เมื่อทีมมังกรในยุคของ วิเตอร์ เปไรร่า มีการเสริมทัพด้วยนักเตะแดนละตินหลากสัญชาติและตัวอันตรายคือคู่หูตัวรุกโคลอมเบียทั้ง เจมส์ โรดริเกวซและ แจ๊คสัน มาร์ติเนซ ซึ่งถูกดึงเข้ามาเป็นทายาทอสูรต่อจาก ฟาน กัลและ ฮัล์ค
4.เรอัล มาดริด
แม้ว่าเด็กในคาถาของ โชเซ่ มูรินโญ่ จะไม่ระเบิดฟอร์มเปรี้ยงปร้างเหมือนตอนคว้าแชมป์ ลา ลีกา ควบตั่วรอบตัดเชือกรายการนี้ได้เมื่อปีกลาย แถมรอบแบ่งกลุ่มคราวนี้ต้องสวมบทพระรองเดินตามก้น ดอร์ทมุนด์ เข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับ 2 ของกลุ่ม D ทว่าขึ้นชื่อว่า "ราชันชุดขาว" บอกได้เลยว่าบารมีคับแก้ว เพราะแค่ชื่อของซูเปอร์สตาร์ในทีมคงสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งได้ทุกสถาบัน ซึ่งถ้าต้องจ๊ะเอ๋กันในรอบนี้จริง ๆ ไฮไลท์อีกฉากคงหนีไม่พ้นการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงเตรียมการต้อนรับไว้ให้อย่างอบอุ่นแน่นอน
5.ชัคห์เตอร์ โดเน็ตส์ค
ปีนี้ตัวแทนจากยูเครนถูกยกให้เป็นม้ามืดตัวจริง เสียงจริง ยิ่งกว่า "เดอะ ว๊อยซ์" และหากต้องดวลกันจริง ๆ ท่านเซอร์คงมีการบ้านให้ทำเพียบ เพราะ ยูไนเต็ด ยังไม่เคยมีประสบการณ์ดวลแข้งกับคู่ต่อกรรายนี้เลย แถมจอมทัพผู้กุมบังเหียนของ ชัคห์เตอร์ นั้นไม่ธรรมดา เนื่องจากบนเส้นทางการคุมทีมกว่า 3 ทศวรรษของเทรนเนอร์วัย 67 กะรัตจากแดนผีดิบนั้น ประสบความสำเร็จกับสโมสรระดับ อินเตอร์ มิลานและทีมชาติโรมาเนียมาแล้ว โดยขุมกำลังของ โดเน็ตส์ค คับคั่งไปด้วยจอมลวดลายจากแดนกาแฟ ทั้ง วิลเลี่ยน, แฟร์นันดินโญ่และ หลุยส์ อาเดรียโน่ ซึ่งเคยยัดเยียดความปราชัยให้ เชลซี มาแล้วด้วย
6.บาเลนเซีย
ขุนพล "ค้างคาว" ถูกมองว่าเป็นเพียงไม้ประดับของรายการนับตั้งแต่ผ่านยุคทองที่เคยมี ดาบิด บีย่าและ ดาบิด ซิลบา รับบทดาวเด่นและช่วงหลังมานี้การถ่ายเทขุมกำลังของ บาเลนเซีย ก็หนักไปทางปล่อยออกมากกว่าดึงเข้า แต่ต้องยอมว่าเด็ก ๆ ของ เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ อยู่ได้ด้วยคุณภาพของทีมเวิร์คจริง ๆ ซึ่งการผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาได้ด้วยสถานะทีมอันดับ 2 ที่เป็นรอง บาเยิร์น แค่สถิติ เฮด ทู เฮด ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่หากต้องเลือกจริง ๆ แมนฯยู คงอยากดวล บาเลนเซีย อีก เพราะเคยพบกันมา 5 ครั้งปรากฏว่า "ปีศาจแดง" ไร้พ่ายและเวลานี้ตัวอันตรายของฝ่ายตรงข้ามก็เห็นจะมีแค่ โรเบร์โต้ โซลดาโด้ รายเดียว
สาวก แมนฯยู อยากเจอใครในรอบหน้าก็รอเชียร์ รอลุ้น เย็นนี้รู้ผล ...
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47