หากจะเลือกนักเตะโชว์ฟอร์มสม่ำเสมอที่สุดของ แมนฯยูไนเต็ด ในรอบขวบปีที่ผ่านมา เชื่อว่าใครหลายคนคงแอบมีชื่อของ จอนนี่ อีแวนส์ เลือกไว้ในใจ เพราะกองหลังวัยเบญจเพสรายนี้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้เกมรับของทัพอสูรแดงได้แบบถูกที่ ถูกเวลา ยามที่ทีมไม่อาจพึ่งพา เนมานย่า วิดิช ซึ่งถูกอาการบาดเจ็บตามรังควานเรื้อรัง

    ถึงตอนนี้เซนเตอร์ฮาล์ฟดีกรีทีมชาติไอร์แลนด์เหนือไม่ใช่กองหลังเกรดของแถมสำหรับ "ปีศาจแดง" อีกต่อไป หลังจากที่ครั้งหนึ่งในช่วงรอยต่อระหว่างทีมเยาวชนกับทีมชุดใหญ่ของ ยูไนเต็ด ทาง อีแวนส์ ถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทดสอบความจงรักภักดีด้วยการปล่อยตัวให้หลายสโมสรยืมไม่ว่าจะเป็น รอยัล อันท์เวิร์ป รวมถึง ซันเดอร์แลนด์

    อีแวนส์เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วในระหว่างที่ปลีกตัวไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีหลายต่อหลายทีมมาแจกขนมจีบหวังดึงตัวเขาไปร่วมทีม เพราะระดับผลผลิตของอเคเดมี่ "ปีศาจแดง" แม้จะสอดแทรกขึ้นยึดตำแหน่งในทีมไม่ได้ แต่ก็ดีพอสำหรับการเป็นกำลังหลักของสโมสรเกรดรองได้สบาย ๆ

    สุดท้ายหลังจากถามใจตัวเอง อีแวนส์ ก็ได้คำตอบว่าสโมสรเดียวที่อยากเล่นฟุตบอลด้วยมีแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้น ซึ่งผลพวงแห่งความซื่อสัตย์ที่มีต่อทีมรักก็ให้ผลลัพธ์ในเชิงบวก เพราะในที่สุดเซนเตอร์แบ็กเจ้าของส่วนสูง 189 ซม. สามารถยกระดับขึ้นมาเป็นทางเลือกแรก ๆ ในผังตัวจริงของ เฟอร์กี้ จนได้และวันนี้ทีมงาน "Manutd.com" มีโอกาสลากตัว อีแวนส์ มาไต่ถามสารทุกข์สุขดิบให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ให้หายคิดถึงกัน

- สิ่งที่ต้องพูดถึงอย่างแรกเลยคือฤดูกาลนี้คุณซัดไปแล้วถึง 4 ประตู ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่ บอกได้มั้ยว่ามีเคล็ดลับอะไรกับพัฒนาการในจุดนี้?
JE : "อายุที่มากขึ้นนำมาซึ่งประสบการณ์และความมั่นใจ ผมคิดอยู่เสมอว่าต้องยิงประตูให้ได้ แต่ก็ไม่พยายามมากจนเกินไปและพาตัวเองให้ไปอยู่ที่ ถูกเวลาเท่านั้นเอง"
 
- เพื่อนร่วมทีมคนไหนที่โชว์ฟอร์มประทับใจคุณมากที่สุดในซีซั่นนี้?
JE : "ตำแหน่งนี้คงต้องขอยกให้ ราฟาเอล เพราะฤดูกาลนี้เขาเติบโตขึ้นอย่างเต็มตัวและการที่ตำแหน่งแบ็กขวาของทีมไม่มีคู่แข่งมากนัก ทำให้เขาต้องแข่งขันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา แถมยังต้องแบกความรับผิดชอบมากขึ้นนับตั้งแต่ที่ ฟาบิโอ ฝาแฝดของเขาถูกปล่อยตัวให้ทีมอื่นยืมไปใช้งานด้วย"

- สถานการณ์ของ ราฟาเอล เหมือนกับประสบการณ์ตรงของคุณตอนที่ลุ้นสอดแทรกขึ้นเป็นสมาชิกของทีมชุดใหญ่มั้ย?
JE : "ราฟาเอลอายุน้อยกว่าผมหลายปี แต่เขาก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่พร้อมกับผมเลย ฤดูกาลนั้นเขาลงเล่นเกือบ 30 เกม ซึ่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากสำหรับนักเตะอายุแค่นี้และแม้ว่าตอนนั้น ราฟาเอล จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องสไตล์การเล่น แต่สุดท้ายเขาก็รับมือไหวและปรับตัวจนกลายเป็นฟูลแบ็กแถวหน้าในที่สุด"
 
- ช่วงเวลากว่าครึ่งทศวรรษที่ผ่านมาคุณได้เรียนรู้อะไรจากการเล่นเคียงข้าง เฟอร์ดินานด์และ วิดิช บ้าง?
JE : "ตอนที่ผมเลื่อนสถานะขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ การเล่นของสองคนนั้นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อและเปรียบดั่งเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับผมในการทำทุกวิถีทางเพื่อยกระดับขึ้นแตะมาตรฐานของคู่เซนเตอร์แบ็กระดับเวิลด์คลาสอย่าง ริโอกับ วิด้า ให้ได้ คุณภาพการเล่นเกมรับของพวกเขาอยู่ระดับสุดเอื้อม แต่ก็เป็นเป้าหมายให้ผู้เล่นรุ่นหลังได้พยายาม ซึ่งผมมองว่าเป็นภารกิจที่ยากกว่าการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงของทีมด้วยซ้ำ"

- แต่ในที่สุดตอนนี้คุณก็กลายเป็นนายใหญ่ที่ครองอำนาจสั่งการแนวรับของทีมไปแล้วนี่?
JE : "แรก ๆ มันก็ยากอยู่เหมือนกันกับบทบาทนี้เพราะผมไม่เคยทำมาก่อน แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักและคุณได้รับความนับถือจากเพื่อนร่วมทีม ความมั่นใจจะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นและการสื่อสารนับเป็นส่วนสำคัญของการเล่นเกมรับ เพราะการบอกให้เพื่อนขยับตำแหน่งแค่ไม่กี่หลาคือสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับเกมและช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ด้วย"