- หน้าแรก
- ข่าวแมนฯยูฯ
- เมื่อลมยังเปลี่ยนทิศ ชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลง ...
เมื่อลมยังเปลี่ยนทิศ ชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลง ...
เราไม่ได้กำลังพูดถึงเพลงของบิ๊กแอสนะครับ แต่เรากำลังพูดถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลที่เปรียบเสมือนอวัยวะคล้ายหัวใจของพวกเรา เหล่าเร้ด อาร์มี่ ทั้งหลาย ระบบไหลเวียนเลือดของพวกเราสูบฉีดทุกครั้ง เมื่อได้เห็นเหล่าบุรุษสวมชุดปีศาจแดงลงไปบรรเลงเพลงแข้งบนผืนหญ้าสีเขียวสด ยิ่งหากเกิดขึ้นในโอลด์แทรฟฟอร์ด รังเหย้าของพวกเขา ภาพของการเป็นนักสู้ การไม่ยอมแพ้ การเล่นเกมบุกอันเร้าใจ ยังคงติดตรึงใจของพวกเราเสมอ แต่ ณ ตอนนี้ สิ่งเหล่านั้นกลับเลือนลางหายไป ... หลังจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเกษียนตัวเองในวัย 71 ปี และผู้ที่แบกภาระความรับผิดชอบอันหนักอึ้งครั้งนี้คือ เดวิด มอยส์ เพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของเขาอย่างที่ทุกคนทราบกันดี มอยส์คือผู้ที่ถูกเลือก เขาไม่มีเกียรติ์ประวัติใดๆกับเอฟเวอร์ตันก็จริง แต่เขามีความภักดีต่อต้นสังกัด คอยให้โอกาสนักเตะเยาวชนและสามารถรักษามาตรฐานของทีมให้มีผลงานคงเส้นคงวามาตลอดหลายปี ด้วยงบประมาณที่จำกัด แต่ยูไนเต็ดต่างจากเอฟเวอร์ตันโดยสิ้นเชิง เดวิด ยังต้องเรียนรู้อีกมากในการเป็นส่วนหนึ่งของยูไนเต็ด กระแสจากเหล่าแฟนบอล ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เสียหายต่างๆนาๆ บางทีอาจดูรุนแรงและใจร้ายไปสักหน่อย เราควรให้โอกาสเขาได้เรียนรู้และพัฒนาทีมในแบบของเขา อย่าลืมว่ากว่ายูไนเต็ดจะประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ ทีมต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ทุกคนควรอดทนและใจเย็น เหมือนกับทุกยุคทุกสมัยที่ทีมมีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ยุคนี้โลกของฟุตบอลมันมีความเป็นธุรกิจมากขึ้น รากเหง้าที่แท้จริงถูกพลังเม็ดเงินกลืนกินหายไป ความกดดันจึงมีมากกว่ายุคก่อน ดังนั้นพวกเราควรตระหนักถึงจุดนี้ให้มาก การที่เซอร์ อเล็กซ์ ทำทีมยิ่งใหญ่มาตลอดเกือบ 27 ปี เป็นเรื่องปกติที่เหล่าแฟนบอลจะยึดติดกับความสำเร็จนั้น เพราะมันไม่ใช่เวลาน้อยๆเลย เมื่อไม่มีเขาอยู่ข้างสนามอีกต่อไป มันค่อนข้างมีผลกับทุกๆคนในสโมสรบางทีการที่เหล่านักเตะออกมาพูดว่าทีมเรายังไงก็ยังเหมือนเดิม อาจเป็นเพียงการปลอบประโลมเพื่อให้ทีมก้าวต่อไปข้างหน้า จิตใจของผู้เล่นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งตลอดการเริ่มต้นฤดูกาลมานั้น เอกลักษณ์บางอย่างมันหายไป นั่นคือการมีหัวใจไม่ยอมแพ้ การกลับสู่ชัยชนะ การโกงความตาย ที่มีให้เห็นอยู่เป็นประจำเรามีนักเตะชั้นดีมากมาย เดวิด มอยส์ เป็นคนมีฝีมือ แต่สุดท้ายแล้วพลังแฝงในจิตวิญญาณต่างหากที่เป็นตัวตัดสินอนาคตของทีม เราได้แต่ภาวนาให้ผู้จัดการทีมปรับจูนหาจุดนี้ให้เจอ ผมเชื่อว่าเขาทำได้ หากแต่เราต้องให้โอกาสเขาสักพักใหญ่ ต้องสนับสนุนผู้จัดการทีมของเรา เพราะแฟนๆไม่อาจเปลี่ยนใจไปรักทีมอื่นได้ โลกของฟุตบอลมีขึ้นมีลง ลิเวอร์พูลเคยครองความยิ่งใหญ่ในยุคของ บิล แชงคลีย์ และ บ็อบ เพสลีย์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกต่ำลงมาอย่างยาวนาน พวกเขาลองผิดลองถูกใช้เวลาอยู่หลายปี กว่าจะกลับมามีมาตรฐานที่ดีในยุคของราฟาเอล เบนิเตซ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในลีก แต่พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ยุโรปได้ และดูเหมือนว่าในยุคปัจจุบัน ทีมของแบรนแดน ร็อดเจอร์ ดูเหมือนจะมาถูกทางแล้ว ผมไม่อาจเปรียบเทียบกับทีมอย่างเชลซีหรือแมนฯ ซิตี้ได้ เพราะพวกเขาสร้างทีมโดยใช้เงินเป็นหลัก ฟุตบอลมันเป็นเรื่องของยุคสมัย ดูอย่างบาร์เซโลน่า กว่าจะพ้นร่มเงาของเรอัล มาดริดได้นั้น พวกเขาต้องใช้เวลาสร้างทีมอยู่นาน กว่าจะแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ได้ในยุคหลัง เช่นเดียวกับวงการฟุตบอลเยอรมัน ภาพรวมนั้นดูเป็นเรื่องยากที่จะมีทีมมาทาบรัศมีของ บาเยิร์น มิวนิค แต่ดูเหมือนว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะทำได้ใกล้เคียงที่สุด ทั้งสองทีมประสบความสำเร็จด้วยระบบทีมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะ "เสือเหลือง" แต่ถ้าวัดจากความแข็งแกร่งในยุค 2013 คงไม่มีใครเกิน "เสือใต้" อีกแล้ว นิยามความความสำเร็จของแต่ละทีมย่อมต่างกัน อาจจะไม่ใช่ในรูปแบบของโทรฟี่แชมป์ แต่อาจเป็นเรื่องของทัศนคติที่คอยควบคุมฟอร์มการเล่นของทีม ซึ่งตอนนี้ยูไนเต็ดอย่าเพิ่งไปมองถึงอย่างแรก แต่ควรมองหาอย่างหลังให้เจอเสียก่อน เราควรประสบความสำเร็จในเรื่องของรูปเกม เรื่องของเอกลักษณ์ให้ได้เสียก่อน เมื่อทีมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มันไม่มีอะไรง่ายแน่นอน ก็อย่างที่บอก เราต้องยอมรับความจริงในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ปี 1958 ในยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่ทำทีมใกล้ถึงฝั่งฝันอยู่แล้วเชียว แต่ดันมาโชคร้ายในโศกนาฏกรรมที่มิวนิคเสียก่อน สโมสรต้องเสียนักเตะชั้นยอดหลายต่อหลายคน เช่น ดันแคน เอ็ดเวิร์ด และเดนิส ไวโอเล็ต แต่ก็ยังโชคดีที่ตัวของบัสบี้เองกับบ็อบบี้ ชาร์ลตัน สามารถรอดตายมาได้ จนสามารถพาทีมกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ได้ในยุค 60 และก้าวสู่การเป็นเจ้ายุโรปทีมแรกของเกาะอังกฤษในปี 1968 เมื่อหมดยุคของ "บัสบี้ เบ๊บส์" ยูไนเต็ดก็ตกต่ำลงเรื่อยๆโดยมีลิเวอร์พูล ก้าวเข้ามายิ่งใหญ่แทนในยุค 70-80 เช่นเดียวกับเมื่อครั้งชายที่ชื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาคุมทีมในเดือนพฤศจิกายน ปี 1986 ช่วงสามปีแรกเขาไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ใดๆได้เลย จนเกือบจะโดนปลดอยู่แล้ว เดชะบุญที่ได้แชมป์เอเอฟคัพในปี 90 นั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของยูไนเต็ดกว่าจะมายิ่งใหญ่ได้ถึงทุกวันนี้ ทั้งสองเหตุการณขั้นต้นจะเห็นได้ว่าตัวแปรของความสำเร็จ มีผลอันเนื่องมาจากบอร์ดบริหารของสโมสรที่ให้เวลาและให้โอกาสผู้จัดการทีมอยู่เสมอ และที่สำคัญ ไม่ว่าทีมจะตกต่ำขนาดไหนก็ตาม ยังมีเหล่าแฟนบอลที่เหนียวแน่นคอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ เป็นไปได้ว่าแฟนบอลรุ่นใหม่ที่ยังเสพติดกับความสำเร็จที่ผ่านมา จะทนกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของทีมในช่วงต้นฤดูกาลไม่ได้ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นเชียร์ยูไนเต็ดในยุคของ "เฟอร์กี้" แต่ผมอยากให้เหล่าแฟนผีทุกท่านโปรดใจเย็นๆ เราต้องใช้บทเรียนและเรื่องเลวร้ายในอดีตมาช่วยสอนเรา ให้เรามองอีกแง่มุมนึงว่า นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หากเทียบกันแล้วสถานการณ์ในยุคก่อนๆมันเลวร้ายกว่านี้ตั้งหลายเท่า สโมสรแห่งนี้ยังผ่านมันมาได้นับประสาอะไรกับตอนนี้ ป๋าได้เลือกคนที่ใช่สำหรับยูไนเต็ดแล้ว เขายังต้องใช้เวลาอีกมากในการเข้าใจในความเป็นยูไนเต็ด เราเน้นสร้างทีมกันด้วยระบบที่มีรากฐานมั่นคง ผสมผสานกับการทุ่มเงินก้อนโตบ้างแต่ไม่ถึงกับบ้าคลั่ง ความสำเร็จมันถึงจะยาวนานแบบที่ป๋าทำ และนั่นคือสิ่งที่เดวิด มอยส์ มีเหมือนป๋า ต่างจากบางทีมที่ทุ่มเงินซื้อความสำเร็จอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายแล้วความสำเร็จนั้นได้มาเพียงชั่วคราวเท่านั้นไร้ซึ่งรากฐานที่มั่นคง ตัวอย่างก็มีให้เห็นมากมาย เพราะโลกของฟุตบอล เงินซื้อแชมป์ซื้อความสำเร็จได้ แต่ซื้อจิตวิญญาณความเป็นทีมเวิร์คไม่ได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเรา เมื่อพวกเขาท้อแท้ย่ำแย่ พวกเราควรช่วยให้กำลังใจ ต้องเชื่อมั่นและศรัทธา เพื่อให้พวกเขารู้สึกถึงพลังของพวกเรา ผู้จัดการทีมจะทำอะไรขัดใจก็ขอให้วางเฉยเวลาจะช่วยขัดเกลาให้เขาแกร่งขึ้นเอง จะกี่เดือนกี่ปีเราก็ต้องรอ เหมือนดังกัปตันที่คอยควบคุมเรือ ฝ่ากระแสคลื่นลมแรงไปสู่เป้าหมาย แรกเริ่มมันอาจติดขัดหลงทิศไปบ้าง แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เรือลำนี้จะแล่นฉิวทะยานสู่แสงสว่างได้แน่นอน ผมเชื่อว่าในสิ่งเหล่านี้จะนำพาคาแร็คเตอร์ของเรากลับมาได้ เชื่อว่ายูไนเต็ดของพวกเราไม่มีวันตาย
หากพวกเรากล้าแกร่งและเข้มแข็งมากพอ ....
Glory Glory Man United
"muztong"
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47