ถึงเวลาของฟิล โจนส์แล้ว !
ตอนนี้ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด มีแต่ความผิดหวังที่ทุกๆคนล้วนแต่ไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผีแดง หลังจากที่ทีมอยู่โดยที่ไม่มีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ เดวิด มอยส์ นายใหญ่คนใหม่ของทีมที่มารับช่วงต่อในความสำเร็จของท่านเซอร์หลายคนอาจจะมองว่าเขาทำผลงานได้ไม่ดีนักแต่ในความเป็นจริงแล้วหากสังเกตุดูดีๆ 5 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกของเขาต้องเจอกับทีมอย่าง เชลซี , ลิเวอร์พูล และ แมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ที่ยากเย็นสำหรับเขา และในตอนนี้เขาก็พยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้เล่นทุกคนในทีมร่วมไปถึงการจัดแผนการเล่นด้วย
ถึงแม้ในช่วงต้นฤดูกาลมอยส์มีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นในทุกๆเกม และเขาได้ใช้งานกองหลังตัวเก๋าอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ให้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงใน 6 นัดแรก ที่ลงแข่งและเขาทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาริโอได้รับการดูแลอย่างดีโดยเฟอร์กูสัน แต่ในเกมที่พ่ายต่อเวสต์บรอมวิช 1-2 คาบ้าน กองหลังชาวอังกฤษได้รับอาการบาดเจ็บที่โคนขาหนีบ ทำให้เป็นโอกาสดีสำหรับกองหลังรุ่นน้องอย่างฟิล โจนส์ ได้ลงมาจับคู่กับ เนมานย่า วิดิชในเกมถัดไปและทั้งคู่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
ตั้งแต่ที่ ฟิล โจนส์ ได้ย้ายมาร่วมทีมผีแดงในปี 2011 เขาถูกจับไปเล่นหลากหลายตำแหน่งทั้งแบ็คขวาและกองกลาง มาในฤดูกาลนี้เขาก็ถูกเดวิด มอยส์ จับไปเล่นแบ็คขวาและเขาก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงขั้นขนาดราฟาเอลเจ้าของตำแหน่งตัวจริงกลับมาเขายังต้องนั่งสำรอง แต่มาถึงตอนนี้ที่เฟอร์ดินานด์เจ็บเขาก็ได้กลับมาเล่นในตำแหน่งถนัดอีกครั้ง
สถิติของโจนส์ดีกว่าเพื่อนร่วมทีมของเขา ในขณะที่ริโอ เฟอร์ดินานด์อาจจะแทคเกิ้ลได้เพอร์เฟคท์กว่านั่นคือ 5 ใน 5 ครั้งเลยทีเดียว แต่อัตราในการแทคเกิ้ลของเขาแต่ละทีจะเกิดในช่วง 108 นาทีต่อ 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นโจนส์เฉลี่ยเป็นทุก ๆ 50 นาทีและสำเร็จถึง 89% เป็นอะไรที่มากกว่าเฟอร์ดินานด์ เมื่อมาดวลกันจึงอยู่ที่ 62-56 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้นโจนส์ก็มีความเร็วมากกว่าคิดเป็น 26.5 นาทีเทียบกับริโอที่ 67.5
ประสบการณ์ของเฟอร์ดินานด์ทำให้เขาอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาดมากในการเล่น แต่สถิติก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าโจนส์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากองหลังรุ่นพี่เสียเท่าไหร่ การเข้าแย่งบอลของโจนส์อยู่ที่ 10 ครั้งต่อ 39.7 นาที แต่ของริโออยู่ที่ 12 ต่อ 45 นาที และอัตราการส่งบอลของ เฟอร์ดินานด์ อยู่ที่ 89 % แต่ของโจนส์ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันอยู่ที่ 88 %
คุณอาจจะคิดว่าฟิล โจนส์ มีโอกาสที่เข้าแย่งบอลมากว่าริโอเพราะเขาลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา แต่หากเราย้อนไปดูสถิติเมื่อปีที่แล้วเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ , ฟิล โจนส์ และ จอนนี่ อีแวนส์ จะเห็นได้ว่า ริโอ ชนะในการเข้าปะทะในทุกๆ 23.5 นาที ขณะที่โจนส์ประสบความสำเร็จในทุกๆ 12 นาที ส่วนอีแวนส์จะชนะทุกๆ 13 นาที จะเห็นได้ว่าฟิล โจนส์ ทำผลงานได้ดีมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว
มันอาจจะเป็นเพียงการเปรียบเทียบสถิติเล็กๆน้อยๆ แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่อาจจะใช้พิจารณาการเลือกผู้เล่นในตำแหน่งแผงหลังของแมนฯยูไนเต็ด ตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่าการเล่นของโจนส์มีพลังมากแค่ไหน และตอนนี้ทำให้เขายืนคู่วิดิชได้ดีกว่าเฟอร์ดินานด์
มาในฤดูกาลนี้กัปตันทีมผีแดงก็ยังคงมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่จึงอาจจะต้องพึ่งฟิล โจนส์ในการเข้าปะทะ ซึ่งมันจะเป็นการแบ่งเบาภาระของวิดิชได้มาก โดยที่ลูกกลางอากาศของโจนส์ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน(อัตราการโหม่งชนะ 76%) และยิ่งได้ราฟาเอลฟิตกลับมาลงสนามได้อีกครั้งก็จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเติมเกมรุกทางกราบขวาได้มากขึ้น
ณ จุดๆนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการเขี่ยริโอให้พ้นไปจากทีม แต่เจ้าของกองหลังที่แพงที่สุดบนเกาะอังกฤษก็ยังมีเวลาที่จะสามารถพิสูจน์ตัวเองอีก แต่ถ้าพูดถึงตอนนี้โจนส์เริ่มที่จะเติบโตมากขึ้นหลังจากที่ย้ายมาจากแบล๊คเบิร์น เขามีความคล่องตัวมากกว่าเฟอร์ดินานด์ และเขาจะเป็นกำลังหลักของที่ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต มอยส์อาจจะยังไม่ลงตัวในการเลือกผู้เล่นลงสนามแต่ทุกคนล้วนเห็นว่าแผงหลังที่เขาใช้ในเกมที่เอาชนะซันเดอร์แลนด์ ซึ่งประกอบไปด้วย ราฟาเอล ,ฟิล โจนส์ ,เนมานย่า วิดิช และ แพทริค เอวร่า คือแบ็คโฟร์ที่ดีที่สุดในทีมตอนนนี้
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47