เซาท์แฮมป์ตันเพิ่งเก็บกลับออกไปได้คะแนนเดียวในการบุก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 14 ครั้งหลังในพรีเมียร์ลีก
ถ้าย้อนไปเมื่อช่วงต้นฤดูกาล บรรดาสาวก "ปีศาจแดง" คงประเมินค่าว่าคิวเปิดบ้านต้อนรับ เซาท์แฮมป์ตัน ไม่ต่างอะไรกับอาหารจานโอชะที่ แมนฯยูไนเต็ด น่าจะเป็นฝ่ายเก็บสามแต้มได้อย่างสบาย ๆ แต่หลังจากฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ล่วงเลยมา 7 สัปดาห์ เชื่อเหลือเกินว่า ณ จุดนี้สิ่งที่กองเชียร์ "เร้ด อาร์มี่" เคยคิดนั้นจะเปลี่ยนไป
แมนฯยูในยุคเปลี่ยนถ่ายจากตำนานที่ยังคงหายใจอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาเป็น เดวิด มอยส์ ต้องเริ่มหัดเดินใหม่ราวกับเด็กแบเบาะ ซึ่งผลงาน ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 3 จาก 7 เกมถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ทุกคนคาดคิด โดยสถานการณ์ที่ทำให้เก้าอี้ของอดีตกุนซือเอฟเวอร์ตันร้อนฉ่าแบบไม่ต้องเสียเวลาต้มนานก็คือ ความพ่ายแพ้ต่อคู่ปรับร่วมเมือง แมนฯซิตี้ 1-4 ต่อเนื่องด้วยการพลิกล๊อคพ่าย เวสต์บรอมวิชฯ คาบ้าน 1-2
สำหรับหนทางเรียกศรัทธาของ มอยส์ ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีทีมที่ออกสตาร์ทร้อนแรงเกินความคาดหมายอย่าง เซาท์แฮมป์ตัน มาเยือน ซึ่งปรปักษ์รายนี้ถือเป็นคู่แข่งระดับของแสลงสำหรับ แมนฯยู ขนาดกุนซือที่กรำศึกมาแล้วทุกสถาบันลูกหนังอย่าง "เฟอร์กี้" ยังเคยเอ่ยปากว่า "นักบุญแดนใต้" เป็นแขกรับเชิญที่ป๋าแกไม่ปรารถนาจะให้มาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สักเท่าไร เพราะนำงานยากมาฝากอยู่ตลอด

เซาท์แฮมป์ตันเคยทำให้ "เฟอร์กี้" ตัดสินใจยกเลิกชุดเยือนสีเทามาแล้วด้วยเหตุว่าไม่ถูกโฉลก
พิษสงของ เซาท์แฮมป์ตัน เคยทำเอาท่านเซอร์นึกอะไรไม่ออกจนตัดสินใจเปลี่ยนชุดเยือนใหม่ ด้วยเหตุผลว่าไม่ถูกโฉลกมาแล้ว เพราะ ยูไนเต็ด ยุคทองในปี 1996 ยกพลบุก "เดอะ เดล" รังเก่าของ "เดอะ เซนต์" สองครั้งสองคราและปรากฏว่า "ปีศาจแดง" โดนพรากวิญญาณแบบไร้ทางสู้ด้วยสกอร์ 1-3 และ 3-6 ทั้ง ๆ ที่เวลานั้นทีมเหนือกว่าคู่แข่งทุกตำแหน่ง!
อีกครั้งคือในปี 1999 ซึ่งเวลานั้น แมนฯยูไนเต็ด กำลังมองว่าผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของ "ยักษ์เดนส์" ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และนายทวารที่ถูกดึงมาลองของก็คือ มัสซิโม่ ตาอิบี้ ที่โชว์ฟอร์มเซฟเหนียวหนึบกับต้นสังกัด เวเนเซีย ในวงการลูกหนังอิตาเลี่ยน
สุดท้าย ตาอิบี้ ถูกส่งตัวคืนโรงงานในบ้านเกิดเพราะไม่ผ่านคิวซีหลังจากสังกัด "ปีศาจแดง" ได้แค่ 4 เกม โดยจังหวะถูกบอลเวทมนต์ของ "พ่อมดลูกหนัง" แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ไหลเบา ๆ เข้าอ้อมออกก่อนทะลุออกหว่างขาตุงตาข่ายแบบกองเชียร์งงกันทั้งสนามน่าจะเป็นฉากสำคัญที่ทำให้ "เฟอร์กี้" ให้คำตอบว่า "คุณไม่ได้ไปต่อ"

รูนี่ย์ (ซ้าย) และ ฟาน เพอร์ซี่ ทำผลงานกับทีมชาติแจ่มไม่แพ้กันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
สถิติน่าสนใจ
- แมนฯยูไนเต็ด ไม่เคยแพ้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สองนัดซ้อนนับตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2002
- ปีนี้ เซาท์แฮมป์ตัน มีค่าเฉลี่ยเกมรับเหนียวสุดของพรีเมียร์ลีกหลังจากผ่านมา 7 สัปดาห์ (2 ประตู)
- ดูเหมือน เดวิด มอยส์ กุนซือใหม่ของ แมนฯยู จะยังหาความลงตัวให้ต้นสังกัดไม่ได้ เพราะหมุนเวียนใช้งานตัวจริงไปแล้วถึง 24 คนในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งมากที่สุดเหนือทุกทีมร่วมลีก
- อั๊ดนาน ยานาซาย เป็นผู้เล่นรายที่ 2 ของ แมนฯยูไนเต็ด ที่ยิงสองประตูให้ต้นสังกัดในเกมประเดิมตัวจริงของตัวเองในพรีเมียร์ลีกต่อจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย
- ทริปล่าสุด เซาท์แฮมป์ตัน เพิ่งบุกเผาเครื่อง ลิเวอร์พูล มาได้ก็จริง แต่ครั้งสุดท้ายที่ "นักบุญแดนใต้" ชนะเกมลีกนอกบ้าน 2 นัดรวดต้องย้อนไปปี 2001 เลยทีเดียว
- เซาท์แฮมป์ตันเพิ่งเก็บกลับออกไปได้คะแนนเดียวในการบุก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 14 ครั้งหลังในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 1 แพ้ 13)
- ถ้านับเฉพาะครึ่งหลัง "เดอะ เซนต์" จะเป็นจ่าฝูงของลีก เพราะใช้เวลา 45 นาทีท้ายตักตวงคะแนนเข้ากระเป๋าได้ถึง 16 แต้ม
- หากไม่นับลูกจุดโทษ ปรากฏว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 4 นัดเท่านั้นจากทั้งหมด 18 เกมและยังคลำเป้าไม่เจอใน 5 แมตช์ที่ผ่านมา
สภาพความพร้อม
แมนฯยูไนเต็ดมีลุ้นได้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังตัวเก๋ากลับมาสั่งการเกมรับอีกครั้งหลังจากเซนเตอร์แบ็กวัย 34 กะรัตหายเจ็บขาหนีบ ส่วน ทอม เคลเวอร์ลี่ย์ ต้องรอทดสอบความฟิตเพราะอาการเดี้ยงบริเวณน่อง ซึ่งทำให้เจ้าตัวต้องพลาดเกมคัดบอลโลกกับทีมชาติอังกฤษ
เมาริซิโอ โปเชตติโน่ บอสใหญ่ เซาท์แฮมป์ตัน เตรียมเข็น อาร์เทอร์ โบรุค ลงเฝ้าเสาถึงแม้ว่านายทวารชาวโปลจะเพิ่งหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าก็ตาม ส่วน ลุค ชอว์ ที่ขอถอนตัวจากทีม ยู-21 อังกฤษเพราะป่วย ก็พร้อมคืนสนามให้ต้นสังกัดอีกครั้ง ขณะที่ กัสตัน รามิเรซ ต้องรอเช็กความพร้อม เนื่องจากเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจกับทีมชาติอุรุกวัยและกลับมารายงานตัวช้า
นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา ; ราฟาเอล, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอฟร่า ; มารูยาน เฟลไลนี่, ไมเคิ่ล คาร์ริค ; นานี่, เวย์น รูนี่ย์, อัดนาน ยานาซาย ; โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
เซาท์แฮมป์ตัน (4-4-2) : อาเธอร์ โบรุค ; เนเธเนี่ยล ไคลน์, อังเดร ฟอนเต้, เดยัน ลอฟเรน, ลุค ชอว์ ; อดัม ลัลลานา, มอร์แกน ชไนเดอร์แลง, วิคเตอร์ วันยาม่า, สตีเว่น เดวิส ; ปาโบล ออสวัลโด้, ริคกี้ แลมเบิร์ต
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47