ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แมนฯยูไนเต็ด (2) -vs- วีแกน (12)..........(18.45 น.)


สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ราคา : แมนฯยูไนเต็ด ต่อ ลูกครึ่งควบสอง

สถิติในลีกล่าสุด

ทีม	แข่ง	ชนะ	เสมอ	แพ้	ได้	เสีย	แต้ม
แมนฯยูฯ	8	5	2	1	7	2	17
วีแกน	8	5	8	4	8	8	8

ผลการเจอกันเมื่อปีที่แล้ว

พรีเมียร์ลีก - ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด, แมนฯยูไนเต็ด ชนะ วีแกน 3-1
                 - ที่ เจเจบี สเตเดี้ยม, วีแกน แพ้ แมนฯยูไนเต็ด 1-3

ผลการเจอกันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ฤดูกาล                  ผลการแข่งขัน
2006-2007 แมนฯยูไนเต็ด ชนะ วีแกน 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
2005-2006 แมนฯยูไนเต็ด ชนะ วีแกน 4-0 (พรีเมียร์ลีก)

ฟอร์ม 5 นัดหลังสุด

แมนฯยูไนเต็ด
02-09-07 ชนะ โรม่า 1-0 (เหย้า) (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
29-09-07 ชนะ เบอร์มิงแฮม 1-0 (เยือน) (พรีเมียร์ลีก)
23-09-07 แพ้ โคเวนทรี 0-2 (เหย้า) (คาร์ลิ่ง คัพ)
19-09-07 ชนะ เชลซี 2-0 (เหย้า) (พรีเมียร์ลีก)
15-09-07 ชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-0 (เยือน) (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)

วีแกน
29-09-07 แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1(เหย้า) (พรีเมียร์ลีก)
22-09-07 แพ้ เรดดิ้ง 1-2 (เยือน) (พรีเมียร์ลีก)
15-09-07 เสมอ ฟูแล่ม 1-1 (เหย้า) (พรีเมียร์ลีก)
01-09-07 แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 (เยือน) (พรีเมียร์ลีก)
28-08-07 แพ้ ฮัลล์ ซิตี้ 0-1 (เหย้า) (คาร์ลิ่ง คัพ)

สภาพความพร้อมล่าสุด

แมนฯยูไนเต็ด

        เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ ทีม แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับทีม วีแกน โดยไม่มี ไมเคิ่ล คาร์ริค กองกลางทีมชาติอังกฤษ ที่ข้อศอกแตกมาจากเกมที่เฉือนเอาชนะโรม่า 1-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ส่วน โรนัลโด้ คริสเตียโน่ ปีกจอมสับ แม้จะได้รับบาดเจ็บคิ้วแตกในเกมเดียวกันนี้ แต่ก็ไม่มีปัญหาพร้อมลงเล่นได้เช่นเดิม ขณะที่ ไรอัน กิ๊กส์ จะกลับมาเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง แต่อาจถูกโยกเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง คู่กับ พอล สโคลส์ หรือไม่ก็ให้โอกาส อันแดร์สัน ลงสัมผัสเกมพรีเมียร์ชิพด้วยการเป็นตัวจริงอีกครั้ง

        ส่วน เวส บราวน์ แบ็กขวาที่มีอาการเจ็บที่เข่ายังต้องรอทดสอบความฟิต หากไม่รอด ก็จะเป็นหน้าที่ของ จอห์น โอเชีย ต่อไป แต่ในรายของ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, มิกาเอล ซิลแวสต์, เบน ฟอสเตอร์ และ พาร์ค จี-ซอง ซึ่งมีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ยังคงชวดต่อไปเช่นเดิม ส่วน แกรี่ เนวิลส์ ปราการหลังจอมเก๋า ก็เตรียมกลับมาลงสนามได้เร็วๆ นี้ หลังกำลังเรียกความฟิตอย่างขะมักเขม้น

วีแกน

        คริส ฮัทชิ่ง กุนซือทีม วีแกน มีข่าวดีเมื่ออาจได้ต้อนรับการกลับคืนสู่ทีมของ แดนนี่ ลานด์ซาต์ มิดฟิลด์จอมเก๋า และ อันโตนิโอ บาเลนเซีย ตัวริมเส้นชาวเอกวาดอร์ ที่เพิ่งหายจากอาการบาดจ็บที่ เบ้าตา และ เข่า ตามลำดับ แต่ยังไม่แน่ว่าจะถูกส่งลงเล่นในเกมนี้ทันทีเลยหรือไม่ แต่ในรายของ ไรอัน เทย์เลอร์ ซึ่งได้ออกสตาร์ตเป็นตัวสำรองในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนอาจได้รับโอกาสให้ลงเล่นอีกครั้ง

        อย่างไรก็ตาม เอมิล เฮสกี้ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ จะยังคงชวดต่อไป เนื่องจากกระดูกส้นเท้าแตกจนต้องพักยาว เช่นเดียวกับ อันโตนี่ ซิเบียร์สกี้ ที่มีอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าและไม่ได้ลงเล่นในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้คู่หน้าเกมนี้ก็น่าจะเป็น มาร์คัส เบนท์ หัวหอกตัวใหม่ จับคู่กับ จูเลียส อกาโฮว่า ดาวเตะไนจีเรีย ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในเกมล่าสุด

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนฯยูไนเต็ด (4-4-2)

ผู้รักษาประตู : โทมัส คุส แช็ค
กองหลัง : จอห์น โอเชีย - ริโอ เฟอร์ดินานด์ - เนมานย่า วิดิช - ปาทริซ เอวร่า
กองกลาง : นานี่ - ไรอัน กิ๊กส์ - พอล สโคลส์ - คริสเตียโน่ โรนัลโด้
กองหน้า : คาร์ลอส เตเบซ - เวย์น รูนี่ย์

วีแกน (4-4-2)

ผู้รักษาประตู : คริส เคิร์กแลนด์
กองหลัง : มาริโอ เมลช็อต - ไตตัส บรัมเบิ้ล - เอ็มเมอร์สัน บอยซ์ - เควิน คิลบาน
กองกลาง : พอล ชาร์เนอร์ - โยซิป ซโกโก้ - ไมเคิ่ล บราวน์ - เจสัน คูมาส
กองหน้า : มาร์คัส เบนท์ - จูเลียส อกาโฮว่า

---

จับยามสามตา

        แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยในเกมลีกฤดูกาลนี้ ด้วยสกอร์ยอดฮิต 1-0 มาตลอด ยกเว้นเฉพาะเกมที่คว่ำเชลซี 2-0 เท่านั้น และทำให้ตอนนี้ พวกเขาเป็นทีมที่ยิงประตูน้อยเป็นอันดับ 2 รองจาก ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมบ๊วยของตาราง แม้ว่า สกอร์ที่ออกมาอาจจะดูไม่ขาดนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากมองไปถึงรูปเกมแล้ว พวกเขามักเป็นฝ่ายที่ครองเกมได้มากกว่าคู่ต่อสู้แทบทั้งสิ้น แถมจังหวะยิงประตูก็มีอยู่บานตะไท แต่ทำไม๊ ทำไม พวกเขาถึงไม่ได้ประตูอย่างที่ควรจะเป็น

        ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึง แนวรุกที่ยังไม่เฉียบคมพอของ "ปีศาจแดง" โดยเฉพาะการขาด เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาล นั่นเอง ขณะที่ ผู้เล่นหน้าใหม่ก็ยังไม่อาจโชว์ศักยภาพของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็น นานี่, อันแดร์สัน และ คาร์ลอส เตเบซ อย่างไรก็ตาม กลับเป็นเกมรับของพวกเขาที่ยังเป็นหน้าเป็นตาให้กับทีม เพราะสุดแข็งแกร่งหลังโดนเจาะไปเพียง 2 ลูก จนทำให้ทีมครองตำแหน่งทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก ร่วมกับ ลิเวอร์พูล อยู่ในตอนนี้

        ส่วน วีแกน มีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่จะเจาะประตู ลิเวอร์พูล เมื่อเกมสัปดาห์ก่อน แต่ก็ต้องโดนยุสซี่ เบนายูน ที่ลงมาเป็นซูปเปอร์ซัพซัดประตูชัย ทำให้ทีม "ลาติกส์" ต้องพ่ายคาบ้านไปอย่างน่าเจ็บใจๆ ทั้งๆที่ ฟอร์มการเล่นโดยรวมค่อนข้างดีก็ตาม โดยเฉพาะ เจสัน คูมาส มิดฟิลด์ห้องเครื่องที่ยังโชว์ฟอร์มได้ดีสม่ำเสมอตั้งแต่ออกสตาร์ตฤดูกาล รวมไปถึงบรรดาดาวเตะวัยรุ่นที่เล่นกันอย่างฮึดเหิม อย่างไรก็ตาม ผลงานในช่วง 5 นัดที่ผ่านมา ถือว่าค่อยๆ รูดลงมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเก็บ 3 แต้มไม่ได้เลย ด้วยผลงานแพ้ไปถึง 4 เกม และเสมอ 1 เกม ยิ่งเป็นเกมนอกบ้านยิ่งไม่ต้องพูดถึง และพวกเขายังยิงประตูได้เพียง 3 ลูกจาก 6 เกมหลังสุดอีกด้วย

        มองแล้ว โอกาสชนะยังคงสดใสอยู่ในอุ้งเท้าของเจ้าบ้านอย่าง แมนฯยูไนเต็ด เพราะเมื่อเทียบกับศักยภาพของตัวผู้เล่นและฟอร์มโดยรวมแล้ว วีแกน ยังเป็นรองอยู่มาก และยิ่งเกมนี้ ต้องยกพลกมาเยือนโดยปราศจากแนวรุกคนสำคัญอย่าง เอมิล เฮสกี้ หรือ แม้กระทั่ง อองตวน ซิเบียร์สกี้ ทำให้ทีมของพวกเขาก็ดูจะไม่มีอาวุธทีเด็ดอะไรมาต่อกรกับเจ้าบ้านเลย ลำพังเพียง เจสัน คูมาส คงช่วยได้แค่ผ่อนหนักให้เป็นเบา

        ดังนั้น จึงเชื่อว่า แมนฯยูฯ ยังคงรักษาสถิติชนะในลีกรวดต่อไป แต่จะหลุดพ้นจากสกอร์ยอดฮิต 1-0 ไปได้หรือไม่นั้น ก็ต้องไปลุ้นเอาดาบหน้ากันอีกที เพราะ วีแกน ก็ไม่ใช่ทีมที่เสียประตูเยอะเช่นกัน ในเมื่อ ราคาเปิดมาที่ แมนฯยูไนเต็ด ต่อ ลูกครึ่งควบสอง ค่อนข้างสูงปรี๊ด เมื่อเทียบกับสกอร์ที่ผ่านมาๆ ของ แมนฯยูฯ (โต๊ะเป็นไรมากป่าวเนี้ย) แต่ก็ขอแนะนำใครที่ชอบลุ้นให้กัดฟันเชียร์ แมนฯยูฯ ดีกว่า เพราะเม็ดนึงน่ะมีแน่ๆ หลังจากนั้นก็รอลุ้นเม็ดสองว่าจะมาเมื่อไร.... 

สกอร์ที่คาด : แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ วีแกน 2-0