นี่คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่กล่าวกันว่าทำให้เดวิด มอยส์พ้นจากตำแหน่ง ขณะที่ไรอัน กิ๊กส์ รักษาการผู้จัดการทีมปิศาจแดง บอกว่าอยากจะนำสิ่งนี้กลับมาในช่วง 4 เกมที่เหลือที่เขาคุม
"นี่คือปรัชญาของผม และนี่คือปรัชญาของแมนฯ ยูไนเต็ด" พ่อมดเวลส์กล่าวระหว่างการเปิดแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์
ว่าแต่ว่า "วิถีแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ที่ดูจะลึกลับนี้คืออะไรกันแน่?...BBC Sport คุยกับบ๊อบบี้ ชาร์ลตัน อดีตดาวเตะแมนฯ ยูไนเต็ดที่มายังชายคาโอลด์ แทรฟฟอร์ดตั้งแต่อายุ 15 บอกว่าเซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ สรุปข้อปฏิบัติที่สำคัญที่ยูไนเต็ดนำมาใช้จนถึงทุกวันนี้
"ดูผู้คนมากมายที่ทำงานที่โรงงานในแทรฟฟอร์ด พาร์ค สิ พวกเขามาดูคุณเล่นวันเสาร์" บัสบี้บอกชาร์ลตัน "คนเหล่านี้ทำงานโคตรจะน่าเบื่อ เพราะงี้เราถึงต้องทำให้พวกเขาสนุก"
แต่ก็ใช่ว่ากองเชียร์ปิศาจแดงจะได้สนุกกันตลอด เนื่องจากผลงานที่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างเช่นวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1957 ที่พวกเขาเอาชนะอาร์เซนอล 6-2 แต่ไม่กี่สัปดาห์ถัดมาก็ทำได้แค่เสมอสเปอร์ส 0-0
หรือการเอาชนะอาร์เซนอลที่ไฮบิวรี่อย่างสุดมัน 5-4 เกมในประเทศนัดสุดท้ายของปิศาจแดง ก่อนยูไนเต็ดจะประสบเหตุโศกนาฎกรรมที่มิวนิคปี 1958 กับการแพ้ให้เชลซีคาบ้าน เดือนธันวาคมในฤดูกาลเดียวกัน
แมนฯ ยูไนเต็ดมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ นับตั้งแต่บัสบี้ให้โอวาท อย่างไรก็ตามหลักการที่เป็นหัวใจของพวกเขายังอยู่
"เราเปิดเกมรุกเสมอ" ฌอน โบนส์ รองประธาน แมนฯ ยูไนเต็ด ซัพพอร์เตอร์ส ทรัสต์ กล่าว "เราพยายามเอาชนะคู่แข่งอย่างมีสไตล์ และจินตนาการ"
"ถ้าจะให้บอกว่าเราเล่นกันยังไงก็คือการมีปีกสองข้าง มีฟูลแบ็กที่เติมเกม มีมิดฟิลด์ตัวรุก แต่ก็มีอะไรที่มากกว่านั้น มันแทบจะเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ"
"เราไม่ต้องการจะเป็นแบบใคร แบบที่เดวิด มอยส์พูดถึงแมนฯ ซิตี้ ("ซิตี้คือระดับการเล่นที่ยูไนเต็ดต้องการ" มอยส์ให้สัมภาษณ์หลังจากแมนฯ ยูฯ พ่ายแมนฯ ซิตี้ คาบ้าน 0-3) แต่ควรจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นว่าทีมฟุตบอลควรเล่นกันอย่างไร"
ย้อนกลับไปดูแต่ละรุ่น การอาศัยผู้เล่นปีกคือสิ่งที่เห็นชัดที่สุด ก่อนเหตุโศกนาฎกรรมที่มิวนิค แมนฯ ยูไนเต็ดมีเดวิด เพ็กก์ และอัลเบิร์ต สแคนลอน หลังจากนั้นปิศาจแดงที่สร้างขึ้นใหม่ และได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ มีจอร์จ เบสต์ และจอห์น แอสตัน
ธรรมเนียมนี้ยึดถือมาตลอดแม้ในช่วงตกต่ำยุคทศวรรษที่ 1970 เมื่อผู้เล่นปีกอย่างสตีฟ ค็อปเปลล์, กอร์ดอน ฮิลล์ และเจอร์รี่ เดลี่ เป็นที่ยกย่องของแฟนบอล ขณะที่กอร์ดอน สตรัคคั่น และเยสเปอร์ โอลเซ่น เป็นสตาร์ของยูไนเต็ดยุคทศวรรษ 1980
ขณะที่เดวิด มอยส์ อาจจะหงุดหงิดวิธีที่แมนฯ ยูไนเต็ดตะเพิดเขาจากตำแหน่ง แต่มอยส์ อาจจะเห็นความคิดของยูไนเต็ดที่มีต่อเดฟ เซ็กซ์ตัน ที่โดนปลดจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน 1981 ทั้งที่จบฤดูกาลด้วยการชนะ 7 เกมติดต่อกัน
การตัดสินใจครั้งนั้นสาเหตุมาจาก "ฟุตบอลที่น่าเบื่อ" ภายใต้การคุมเซ็กซ์ตันเอง ตามความเห็นของกูรูฟุตบอลในยุคนั้น
นอกจากการบุกด้วยผู้เล่นปีก แมนฯ ยูไนเต็ดยังเติมพลังความดุดันด้วยมิดฟิลด์ตัวกลาง ที่มีบ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, ดันแคน เอ๊ดเวิร์ดส์ และไบรอัน ร็อบสัน เป็นแบบอย่าง และการบุกโดยฟูลแบ็กอย่างโรเจอร์ เบิร์น ที่เติมเกมบุกในยุคที่ผู้เล่นกองหลังมีหน้าที่แค่ป้องกันประตู และอาร์เธอร์ อัลบิสตัน ฟูลแบ็กจอมบุกที่เล่นให้ยูไนเต็ด 485 นัด ทำให้วัฒนธรรมการเล่นเกมรุกฝังรากลึกที่ยูไนเต็ด
"วิถีแห่งแมนฯ ยูฯ" คือสิ่งที่แฟนบอลคุ้นเคย ร็อบสัน อดีตกัปตันทีมแมนฯ ยูไนเต็ดกล่าว "พวกเราเล่นเกมรุกที่ดูแล้วสนุก"
"สำหรับแฟนบอลนี่คือแนวทางที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องเล่น ผมกล้าพูดเลยว่านักเตะที่เรามีอยู่ตอนนี้อย่างชินจิ คากาวะ, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แอชลีย์ โคล, นานี่ และอัดนาน ยานาไซ เป็นผู้เล่นที่มีความสามารถทุกคน หัวใจก็คือดึงความสามารถทั้งหมดของพวกเขามาใช้ให้เต็มที่"
แต่ก็ชัดเจนว่ามอยส์ทำไม่ได้แบบนั้น
ที่ทำให้มอยส์ดูแย่ไปใหญ่ก็คือเขาเข้ามาสานงานต่อจากกุนซือที่สร้างทีมที่เล่นฟุตบอลที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่แฟนปิศาจแดงสัมผัสมา
ในยุคของเฟอร์กูสัน แมนฯ ยูไนเต็ดมีผู้เล่นปีกอย่างลี ชาร์ป, อังเดร แคนเชลสกี้ส์, เดวิด เบ็คแฮม และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หลอกหลอนคู่แข่ง ตรงกลางสนามมีรอย คีน, พอล อินซ์ และพอล สโคลส์ ที่ทะลุทะลวงจากแถวสอง ขณะที่เดนิส เออร์วิ่น, แกรี่ เนวิลล์ และปาทริซ เอฟร่า เติมจากหลัง
ไม่ถูกแน่ถ้าจะกล่าวว่ามอยส์ไม่พยายามที่จะบุก หรือไม่ถูกเช่นกันถ้าจะกล่าวว่าเฟอร์กูสันติดอกติดใจกับการโจมตีทางด้านกว้างจนไม่พยายามเล่นอย่างอื่น แต่ถ้านึกภาพแมนฯ ยูไนเต็ดของเฟอร์กูสันแล้ว ที่ตามมาก็คือนักเตะที่เดินหน้า ไล่บี้คู่แข่งให้ลงไปรับจนท้อ ขณะที่มอยส์ทำตรงข้ามกับความต้องการของแฟนบอล
ไรอัน กิ๊กส์ แม้จะยังใหม่สุดๆ สำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่ก็ได้ใจแฟนบอลไปแล้วเมื่อบอกพวกเขาว่าจะทำในสิ่งที่แฟนบอลต้องการ
"เรามีผู้เล่นที่จะทำแบบนั้น เรามีผู้เล่นในห้องแต่งตัวที่เป็นแชมเปี้ยน เราคุ้นเคยกับการชนะ และมีหัวใจของผู้ชนะ พวกเขาจะแสดงให้เห็นในเกมวันเสาร์ (นัดพบกับนอริช) กิ๊กส์กล่าว
"ผมเชื่อมั่นในลูกทีม ผมรู้ว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน และอยากให้ทั้งหมดแสดงความสามารถให้เต็มที่ในเกมกับนอริช"
วิถีแห่งยูไนเต็ด...จากคนที่เข้าใจสิ่งนี้อย่างถ่องแท้ คนที่ทำให้คำที่เป็นนามธรรมนี้เป็นรูปธรรมที่สุด คนที่ปี 1999 ที่วิลล่า พาร์ค ฉีกปราการหลังอาร์เซนอล เข้าไปพังประตูที่ถูกเลือกให้เป็นประตูที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47