ในสายตาบ่อนรับพนัน หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์เป็นตัวเต็งคุมแมนฯ ยูไนเต็ด ถาวร แทนเดวิด มอยส์ ที่โดนปลดไป
โค้ชวัย 62 ปี อยากจะกลับมาคุมสโมสรฟุตบอลหลังฟุตบอลโลก และมีผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นใบรับรองที่จะพาแมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาไล่ล่าแชมป์รายการใหญ่
เมื่อปี 2002 กุนซือชาวดัตช์เตรียมสืบทอดตำแหน่งผจก.แมนฯ ยูไนเต็ดต่อจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่าแต่ฟาน กัล คือคนที่ใช่ที่จะนั่งตำแหน่งที่โหดหิน และท้าทายที่สุดตำแหน่งหนึ่งในโลกฟุตบอลจริงหรือ?
ผลงานที่สวยหรู
ฟาน กัล ที่คุมทีมฟุตบอลมาปีนี้เป็นปีที่ 23 ประสบความสำเร็จมายาวนานในวงการฟุตบอล
เขาคว้าแชมป์ลีก ดัตช์กับอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3 ครั้งในยุคทศวรรษ 1990 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ปี 1991 หลังจากนั้นปี 1995 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ในเวลานั้นมีเอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และแพทริก ไคลเวิร์ตอยู่ในทีม
ฟาน กัลถูกดึงมาให้สร้างผลงานแบบเดียวกันนี้บาร์เซโลน่า เขาเข้ามารับช่วงต่อจากบ๊อบบี้ ร็อบสัน ในปี 1997 และพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา 2 สมัยติดต่อกัน และแชมป์โคปา เดล เรย์
เนเธอร์แลนด์เรียกตัวเขาในปี 2002 แต่ครั้งแรกในทีมชาติของเขาอยู่ได้ไม่ถึง 2 ปีเมื่อทีมกังหันสีส้มไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพลาดรายการนี้นับตั้งแต่ปี 1986
ช่วงที่ 2 ของเขาที่บาร์เซโลน่า สั้นกว่านั้นนั่นคือแค่ 8 เดือน เมื่อแยกทางกับทีมเจ้าบุญทุ่มระหว่างซีซั่นที่ทีมวนเวียนอยู่เหนือโซนตกชั้น จากนั้นโอกาสที่เขาเชื่อ(ในเวลานั้น)ว่าเป็นครั้งเดียวในชีวิตก็มาถึง นั่นคือการรับไม้ต่อจากเฟอร์กูสันที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
"มันเกิดขึ้นก่อนฟุตบอลโลก 2002 ผมได้รับการติดต่อจากแมนฯ ยูไนเต็ดผ่านทางปีเตอร์ เคนย่อน (ซีอีโอแมนฯ ยูไนเต็ดตอนนั้น" ฟาน กัลกล่าว
"เขากล่าวกับผมว่าอเล็กซ์ เฟอร์กูสันกำลังจะเกษียณ และผมจะไปแทนเขา แต่เอาเข้าจริง เฟอร์กูสันไม่ได้อยากวางมือ"
ฟาน กัล กลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง กับสโมสรฟุตบอลในเนเธอร์แลนด์อย่างอาแซด อัล์คมาร์ ที่เขาพาทีมคว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ 2005-06 ก่อนจะไปคุมทีมในบุนเดสลีกา อย่างบาเยิร์น และช่วยให้ทีมเสือใต้ได้แชมป์ลีกฤดูกาล 2009-10
ทีมชาติฮอลแลนด์ทาบทามฟาน กัลอีกครั้งปี 2012 และคราวนี้ด้วยความช่วยเหลือจากแดนนี่ บลินด์ และไคลเวิร์ต อดีตผู้เล่นอาแจ๊กซ์ เนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งใน 2 ชาติแรกของยุโรป (อีกทีมคืออิตาลี) ที่ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายบราซิล 2014
สู้กับพวกอีโก้แรง
อะไรที่ริวัลโด้ อดีตทีมชาติบราซิล โยฮัน ครอยฟ์ และโรนัลด์ คูมัน ตำนานฟุตบอลดัตช์ และอูลี่ เฮอเนส อดีตประธานบาเยิร์น มีเหมือนกัน? คำตอบ คนเหล่านี้หัวเสียเพราะฟาน กัล
เบาเดอไวน์ เซนเด้น อดีตปีกทีมชาติฮอลแลนด์กล่าวกับ BBC Radio 5 live ว่า ฟานกัลเพื่อนร่วมชาติของเขาคนนี้ไม่กลัวหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเด่นดังแค่ไหน
"ผมอยู่ที่บาร์เซโลน่าเลยตอนนั้น และก็ใกล้ชิดกับกรณีริวัลโด้" เซนเด้นอดีตปีกลิเวอร์พูล และเชลซีกล่าว
"เขากำลังจะเป็นนักเตะรางวัลฟุตบอลทองคำ และเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย ตัวริวัลโด้คิดว่าเขาเล่นหลังกองหน้าคู่จะดีกว่า ทันทีที่ได้บอลทองคำ เขาบอกกับฟาน กัลว่า "ผมไม่อยากเล่นทางซ้ายแล้ว อยากจะเล่นหลังกองหน้า"
"ฟาน กัล บอกเขา "นั่นการตัดสินใจของนายสินะ" สิ่งที่ตามมาก็คือ ริวัลโด้โดนจับนั่งข้างสนาม เพราะฟาน กัลคือคนตัดสินใจว่าเขาจะเล่นตรงไหน เขาเป็นหนึ่งในกุนซือที่รู้วิธีรับมือกับพวกผู้เล่นบิ๊กเนม และถ้าเขาคิดว่าที่เขาคิดถูกต้องแล้วเขาก็จะทำแบบนั้น แนวทางของเขาใกล้เคียงกับที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำ"
อย่างไรก็ตามในความคิดของมาร์แซล ฟาน เดอร์ คราน ผู้สื่อข่าวของเนเธอร์แลนด์แล้ว ฟาน กัล ยังมีอีกมุมหนึ่ง
"ข่าวคราวกระทบกระทั่งคนนั้นคนนี้ เป็นภาพสำหรับที่ปรากฎต่อโลกภายนอก" เขากล่าวกับ 5 live "แต่อีกโลกของเขาที่คนไม่รู้กันก็คือเรื่องของเขากับทีม กับลูกทีม และกับกุนซือร่วมอาชีพ"
"ในสายตาคนนอก ฟาน กัล เป็นพวกขวานผ่าซาก และตลก แล้วก็เฉียบขาด แต่เขาทำก็เพื่อปกป้องลูกทีม ที่บาเยิร์น, บาร์ซ่า และอาแจ๊กซ์ พวกเขารักฟานกัลมาก"
ขณะที่ไมเคิล ไรซีเกอร์ ที่เล่นให้ฟานกัลที่อาแจ๊กซ์ และบาร์เซโลน่ากล่าวว่า ฟาน กัล ใช้นโยบาย "เปิดประตู" ต้อนรับผู้เล่นของเขาเสมอ
"ผมคิดว่านั่นเป็นข้อดีเขาอย่างหนึ่ง เขาเปิดประตูให้คุณเสมอ คุณมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกับเขา แบบนี้แหละเขาถึงได้คุมแต่ทีมใหญ่"
ปรัชญา และแท็กติก
ฟาน กัล ชอบให้ทีมของเขาเล่นฟุตบอลเกมรุก มีแค่เยอรมันของโยอาคิม เลิฟ เท่านั้นที่ยิงในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2014 มากกว่าฮอลแลนด์ที่ทำไป 34 ประตู
เรย์มอนด์ เวอร์เฮเย่น โค้ชชาวดัตช์ที่ได้ทำงานกับฟาน กัล และทีมชาติฮอลแลนด์ กล่าวว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะต้องชอบการวางหมากของฟาน กัล
"เขาเป็นโค้ชที่เหมาะสมที่สุดกับคำว่า "ฟุตบอลแบบดัตช์" ที่ใกล้เคียงกับคำว่าฟุตบอลเกมบุก" เขากล่าวกับ BBC World Service "แฟนบอลมั่นใจเลยว่าทีมของเขาจะเล่นฟุตบอลเกมบุกอย่างเต็มที่"
"เขาเป็นนักสร้างทีมที่ยอดเยี่ยม เป็นครูสอนทางเทคนิคที่เก่ง ถ้าทีมไหนอยากจะเริ่มต้นสร้างทีมใหม่แล้วล่ะก็ เขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด"
อย่างไรก็ตามราฟาเอล โฮนิกสไตน์ นักวิจารณ์ฟุตบอลเยอรมัน เขียนไว้ในปี 2011 ว่าฟานกัล "ดื้อดึง" แง่ของแท็กติกที่ทำให้แผนการเล่นของเขาไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป
"แท็กติก 4-2-3-1 ของเขาดึงศักยภาพของนักเตะหลายคนได้ถึงขีดสุดก็จริง (ช่วงที่คุมบาเยิร์นปีแรก) ทำให้บาเยิร์นเล่นฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์อย่างที่ไม่เห็นมาหลายปีที่มิวนิค" เขากล่าว
"ฤดูกาลต่อมาแท็กติก 4-2-3-1 กลายเป็นตัวตั้ง เขาไม่เคยเปลี่ยนมันเลย ไม่แม้แต่ตอนที่คู่แข่งรู้วิธีจัดการมันแล้ว ไม่เปลี่ยนแม้นักเตะที่เป็นแกนหลักของเขามีอาการบาดเจ็บ แต่เป็นนักเตะเองที่ถูกโยกย้ายไปตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ตามแท็กติก 4-2-3-1 ของเขา หลายครั้งต้องเล่นในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเอาซะเลย"
ฟาน กัล ถึง ฟาน กัล
เมื่อถูก Fifa.com ถามเมื่อปี 2013 อะไรที่ทำให้เขาเป็นกุนซือที่เก่งที่สุดในโลกคนหนึ่ง ฟาน กัลตอบ "ปรัชญาของผม ที่ผสานระหว่างลูกทีมกับโค้ชไว้ด้วยกัน"
"ในอาชีพการเป็นโค้ช ผมพบว่านักเตะติดใจปรัชญาการทำทีมของผมนั่นก็คือการเล่นเกมรุก ปรัชญาทางเทคนิค และแท็กติกของผม เรื่องอายุไม่สำคัญ"
หลังจากที่ห่างจากการคุมสโมสรมา 3 ปี ฟาน กัล บอกด้วยว่าอยากจะกลับไปทำงานแบบนี้เต็มแก่
"ผมคิดถึงการทำงานบริหารแบบวันต่อวัน ผมเคยพูดว่าไม่ชอบคุมทีมชาติฮอลแลนด์ก็เพราะแบบนี้"
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47