ราดาเมล ฟัลเกา การ์เซีย ซาราเต้ หรือ ราดาเมล ฟัลเกา ที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักกัน เกิดที่เมือง ซานต้า มาร์ท่า ประเทศ โคลอมเบีย ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1986 (28ปี)
ฟัลเกา เป็นกองหน้าชั้นนำของโลก เขาคนนี้สามารถทำลายสถิติการทำประตูในฟุตบอลยุโรปของ เจอร์เก้น คลินส์มัน ที่ทำได้ 15 ประตู โดยฟัลเกากดไปทั้งหมด 17 ประตู ในปี 2011 และในปีนั้นเป็นที่สร้างชื่อให้กับเขาอย่างมาก เขาพาต้นสั่งกัดของเขาในตอนนั้น เอฟซี ปอร์โต้ กวาดทุกแชมป์ที่ลงแข่ง จนได้ฉายา เอล ติเกร้(ไอ้เสือร้าย) และ คิง ออฟยูโรป้าลีก
ราดาเมล ฟัลเกา เริ่มค้าแข้งให้กับทีม ลาเซอร์รอส โบยาซา ในลีกบ้านเกิด ก่อนจะถูก ริเวอร์ เพลท ทีมดังจากลีกอาร์เจนติน่าคว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2005 เขาได้ค้าแข้งอยู่สโมสรแห่งนี้และเริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับจนเอง จนไปเข้าตา เอฟซี ปอร์โต้ เจ้าแห่งโปรตุเกส ที่จับเขามาปลุกปั้นเป็นเพชรเม็ดงามในเวทียุโรป ฟัลเกา ลับฝีเท้าจนขึ้นมาเป็นกองหน้าอันดับต้นๆของโลกจนมีสโมสนยักษ์ใหญ่ตามจีบอยู่หลายทีม แต่สุดท้ายเป็น แอตเลติโก มาดริด ที่คว้าตัวเขาไปได้ในปี 2011 ก่อนจะถูกเศรษฐีหน้าใหม่อย่าง โมนาโก ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อดึงตัวเขามาร่วมทีม
สถิติการลงเล่นตลอดการค้าแข้งของ ราดาเมล ฟัลเกา คือ
2002-2005 ลานเซอร์รอส โบยาซ่า (8 นัด 1 ประตู)
2005-2009 ริเวอร์ เพลท (105 นัด 45 ประตู)
2009-2011 เอฟซี ปอร์โต้ (87 นัด 72 ประตู)
2011-2013 แอตเลติโก มาดริด (91 นัด 70 ประตู)
2013-2014 โมนาโก (22 นัด 13 ประตู)
2014-ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ได้ลงเล่น
2005-2009 ริเวอร์ เพลท
ริเวอร์ เพลท ดึง ฟัลเกา มาร่วมทัพด้วยค่าตัวเพียง 5 แสนดอลล่า เลโอนาร์โด อาสตราด้า กุนซือของทีม ได้ให้โอกาส ฟัลเกา ลงสนามนัดแรกในนัดที่ ริเวอร์ เพลท แพ้ให้กับ ยิมเนเซีย 1-2
ฟัลเกา ขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้ในปี 2005 และเริ่มประเดิมแบบสวยๆด้วยการยิงเบิ้ลใส่ อินดิพิเดนเต้ ทำให้ ริเวอร์เพลท ชนะไป 3-1 จนในที่สุดเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม โดยได้รับความใว้วางใจจาก ไรนัลโด้ เมอร์โล่ กุนซือของ ริเวอร์เพลท ในเวลานั้น ฟัลเกาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องภายใต้ต้นสังกัดใหม่พาทีมประสบความสำเร็จมากมายก่อนจะย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ เอฟซี ปอร์โต้
2009-2010 เอฟซี ปอร์โต้
ฟัลเกาย้ายมาค้าแข้งที่ยุโรปเป็นครั้งแรก กับ เอฟซี ปอร์โต้ โดยปอร์โต้ได้ซื้อเขามาด้วยราคา 4 ล้านยูโร หลังจากที่สโมสรได้ปล่อย ลิซานโดร โลเปซ ศูนย์ห้าตัวเก่งให้กับ โอลิมปิก ลียง เเละฟัลเกาก็ไม่ทำให้ต้นสังกัดใหม่ผิดหวัง เขาทำประตูได้อย่างต่อเนื่องและทดแทนการจากไปของโลเปซได้เป็นอย่างดี
เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงในระดับทวีปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นการทำแฮตทริกในเกมที่พาทีมอาชนะ ราปิด เวียนนา ในการแข่งกัน ยูโรป้าลีก และบุกไปยิงแฮตทริกใส่ สปาตัก มอสโค ได้ถึงถิ่นซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมากๆในการไปเยือนแฟ่นดินรัสเซีย ในปีนั้น ฟัลเกา ยิงสลุตจนพา ปอร์โต้ คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2010-2011 และฟัลเกาก็ได้รับรางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเม้น แถมพ่วงด้วยการทำลายสถิติของ เจอร์เก้น คลิ้นส์มัน อีกด้วย ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทำให้เขาเป็นที่ต้อการตัวจากหลายๆสโมสรและสุดท้ายก็เป็น แอตเลติโก มาดริด ที่ได้ตัวเขาไป ...
2011-2012 แอตเลติโก้ มาดริด
วันที่ 18 สิงหาคม 2011 เอฟซี ปอร์โต้ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ราดาเมล ฟัลเกา ได้ย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด แล้วด้วยราคาถึง 40 ล้านยูโร ทำให้เขาทำลายสถิตินักเตะราคาแพงที่สุดของ แอตเลติโก มาดริด ในทันที เขาลงเล่นให้กับต้นสังกัดใหม่นัดแรกในเกมที่แพ้ บาเลนเซีย 0-1 หลังจากเกมนั้นเขาใช้เวลาไม่นานฟัลเกาจัดการประเดิมประตูแรกในเกมที่ชนะ อูดิเนเซ่ 4-0 ในศึกยูโรป้าลีก นั่นทำให้สถิติการทำประตูในศึกยูโรป้าลีกของเขาเพิ่มขึ้นเป็น ยิง 19 ประตู จากการลงเล่น 18 นัด การค้าแข้งให้กับทีมตราหมีเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเรื่อยๆหลังจากเวลาผ่านไป และอีกไม่นานเขาก็เบิกแฮตทริกแรกกับตราหมีได้สำเร็จ ในนัดที่ชนะ เรอัล โซเซียดัด ไป 4-0 ในที่สุดเขาก็พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2011-2012 และเจ้าตัวยังคว้ารางวัลดาวซัลโวในรายการนี้ 2 ฤดูกาลติดๆกันอีกด้วย
2012-2013 ฟัลเกา เปิดหัวฤดูการได้อย่างสุดยอดด้วยการซัดแฮตทริกในเกมลาลีก้า 2 นัดแรก ก่อนจะต่อเนื่องความโหดในเกม ยูฟ่าซุปเปอร์คัพที่ถล่ม เชลซี แชมป์ยูฟ่าเเชมเปี้ยนส์ลีก แบบเละเทะ 4-1 และเหมือนเช่นเดิมในฤดูกาลนี้ เขายังรักษาฟอร์มการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง จนช่วยให้ตราหมีกวาดแชมป์ โคป้า เดล เรย์ และ ยูฟ่ายูโรป้าลีก ได้อย่างยิ่งใหญ่
2013-2014 โมนาโก
วันที่ 31 พฤษภาคม โมนาโก ตัดสินใจทุ่มเงิน 60 ล้านยูโรเพื่อเป็นค่าตัวให้กับ ราดาเมล ฟัลเกา โดยเซ็นสัญญาทั้งหมด 5 ปี และมอบค่าเหนื่อยระดับ 250000 ยูโรต่อสัปดาห์ โดย ฟัลเกาเคยกล่าวไว้ ณ เวลานั้นว่า "นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้ง" โดยเขายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่านี่เป็นการเดินตามรอยเท้าของ เธียรี่ อองรี ไอดอลของเขา ส่วนการลงเล่นในนัดแรกของเขากับโมนาโกนั้นเกิดขึ้นในเกมที่ชนะ 2-0 บอร์กโดซ์ และเขาก็จัดการเบิกสกอร์แรกในทันทีในนาทีที่ 88 แม้จะโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมแต่เขาก็ต้องรูดม่านฤดูกาล 2013-2014 ตั้งแต่เดือนมกราคมหลังจากได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องพลาดร่วมทัพโคลัมเบียชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล
ระดับชาติ
ฟัลเกา ติดทีมชาติ โคลอมเบีย ตั้งแต่ชุด ยู 17 และ ยังติดทีมชุดยู 20 ที่พาทีมได้เเชมป์ เซาธ์ อเมริกัน ยูธ แชมเปี้ยนส์คัพ อีกด้วย
สำหรับทีมชุดใหญ่ ฟัลเกา ติดทีมชาตินัดแรกในเกมที่พบกับ มอนเตเนโกร ในศึก คิรินคัพ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 21 ปี จากนั้นเรื่อยมาเขาก็ติดทีมชาติมาโดยตลอดหากไม่ได้รับบาดเจ็บเขาสามารถการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมแน่นอน เขาติดทีมชุดลุยศึก โคปา อเมริกา ฟุตบอลโลก 2014(รอบคัดเลือก) แม้จะพลาดการลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิล แต่ทีมชาติโคลอมเบียของเขาก็ยังสามารถทำผลงานได้อย่างประทับใจแฟนๆด้วยการไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายเจ้าภาพบราซิลไปในการดวลจุดโทษ ซึ่งก็น่าคิดหากว่าโคลอมเบียมีเขายืนเป็นศูนย์หน้าทีมโคเคนจะไปได้ไกลกว่านี้ขนาดไหน
รางวัลระดับสโมสรของ ราดาเมล ฟัลเกา
อาร์เจนติน่า พรีเมียร์ ดิวิชั่น 2010-2011
พรีเมียร์ ลีก้า โปรตุเกส 2 สมัย 2009-2010 และ 2010-2011
โปรตุกีส ซุปเปอร์คัพ 2 สมัย 2010 และ 2011
ยูฟ่า ยูโรป้าลีก 2 สมัย 2010-2011 และ 2011-2012
โคป้า เดล เรย์ 2012-2013
ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ 2012
รางวัลระดับทีมชาติ
แชมป์ เซาธ์ อเมริกัน ยูธ แชมเปี้ยนชิพ 2005
รางวัลส่วนตัว
ติดทีมยอดเยี่ยมของโซนอเมริกาใต้ ในปี 2007
โปรตุกีส โกลเด้น บอล 2010-2011
ดาวซัลโว ยูฟ่า ยูโรป้าลีก 2 สมัย 2010-2011 และ 2011-2012
รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในนัดชิง ยูฟ่า ยูโรป้าลีก 2สมัย 2011 แลั 2012
ติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่า ปี 2012
จีคิว สเปน สปอร์ต แมน ออฟ เดอะ เยียร์ 2012
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47