หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือของแมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด มองถึงการพัฒนาของทีมหลังจากที่เขาเข้ามาวางระบบให้กับทีม และเขาเองก็มั่นใจอย่างมากว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปจะแสดงผลในแง่บวกกลับมา
หลังจากที่สามเกมที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลย โดยทำได้เพียงแค่เสมอกับ เวสต์บรอม และ เชลซี ก่อนจะบุกไปแพ้ให้กับ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่กุนซือชาวดัตช์ปรับมาใช้ระบบกองหน้าเดียวแทนกองหน้าคู่
ฟาน กัล รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่่วยทีมเขามีพัฒนาการที่สูงขึ้นสำหรับระยะยาว หลังจากก่อนหน้านี้ลูกทีมของเขามักจะทำผลงานได้หน้าผิดหวังในครึ่งหลัง
กุนซือชาวดัตช์ให้สัมภาษณ์ว่า "ในระบบการเล่นอื่น ผมสามารถส่งกองหน้าลงไปสองคนยามเมื่อทีมเราได้เปรียบ แต่เมื่อผ่านเข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายสถานการณ์มันกลับตาลปัตรไปเสียทุกที"
"ทั้งหมดเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องรีบแก้ไขมันใหม่ ตั้งแต่เกมที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน โดยการให้เรามีแนวรุกที่น้อยลง แต่เราก็ทำได้ดียามเมื่อเจอกับทีมที่ดีกว่า"
นอกจากนี้ ฟาน กัล ยังถูกถามจากนักข่าวว่าทำไมเขาจึงใช้เวลาปรับจูนทีมนานนัก หากเทียบกับกุนซือคนอื่นๆอย่าง โรนัลด์ คูมัน ( เซาธ์แฮมป์ตัน ) หรือ แซม อัลลาไดซ์ ( เวสต์แฮม ) เนื่องจากกุนซือทั้ง 2 คนก็มีผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริมทีมมากมายไม่ต่างกับยูไนเต็ด ?
กุนซือชาวดัตช์จึงชี้แจงว่า "ผมได้อธิบายไปแล้วว่า ผมกำลังปรับเปลี่ยนฝึกซ้อมในอีกรูปแบบหนึ่ง ผมกำลังทำมากกว่าหน้าที่ผู้จัดการทีม ผมไม่ได้แค่ฝึกซ้อมแท็คติกอย่างเดียวผมให้พวกเขาฝึกซ้อมเกี่ยวกับสมองด้วย"
"ผู้เล่นทุกคนจะรู้ว่า ทำไมพวกเขาจึงได้ลงมาอยู่ในสนาม แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ในท้ายที่สุดเเล้วเมื่อพวกเขารู้หน้าที่ของตัวเองว่าควรทำอะไร สิ่งที่ผมปลูกฝังไปมันก็จะผลิดอกออกผลอย่างแน่นอน"
"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงต้องการเวลา มันไม่สามารถปุปปับดีขึ้นได้ภายในเกมเดียวหรอก ผมต้องการให้มันเป็นรากฐานในระยะยาวต่างหาก"