พรีวิว พรีเมียร์ลีก : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs ลิเวอร์พูล
สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
เวลา : 20.30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH Stadium 1

ผลการพบกันของทั้งสองทีม

05/08/14 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 (สนามกลาง-อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนส์ คัพ)
16/03/14 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ ลิเวอร์พูล 0-3
26/09/13 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 (ลีก คัพ)
01/09/13 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0
13/01/13 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
23/09/12 ลิเวอร์พูล แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2
11/02/12 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
28/01/12 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (เอฟเอ คัพ)
15/10/11 ลิเวอร์พูล เสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1
06/03/11 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1

ฟอร์ม 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
09/12/14 ชนะ เซาท์แฮมป์ตัน 2-1 (เยือน) 
03/12/14 ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 2-1 (เหย้า) 
29/11/14 ชนะ ฮัลล์ ซิตี้ 3-0 (เหย้า) 
23/11/14 ชนะ อาร์เซน่อล 2-1 (เยือน) 
08/11/14 ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 (เหย้า) 
ฟอร์มเกมเหย้าในลีก แข่ง 8 ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 16 เสีย 6

ลิเวอร์พูล
10/12/14 เสมอ บาเซิ่ล 1-1 (เหย้า-ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 
06/12/14 เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 0-0 (เหย้า) 
03/12/14 ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-1 (เยือน) 
29/11/14 ชนะ สโต๊ค ซิตี้ 1-0 (เหย้า) 
27/11/14 เสมอ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกร๊าด 2-2 (เยือน-ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) 
ฟอร์มเกมเยือนในลีก แข่ง 7 ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 4 ได้ 12 เสีย 13

ฟอร์ม 6 นัดหลังสุดในลีก

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เหย้า - แข่ง 3 ชนะ 3 เสมอ 0 แพ้ 0 ได้ 6 เสีย 1
เยือน - แข่ง 3 ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 1 ได้ 4 เสีย 3

ลิเวอร์พูล
เหย้า - แข่ง 3 ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 ได้ 2 เสีย 2
เยือน - แข่ง 3 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 2 ได้ 4 เสีย 5

สภาพทีมล่าสุดของทั้งสองทีม

          เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 ของกุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล โชว์ฟอร์มสุดหรู ด้วยการเก็บชัย 5 เกมรวดหลังสุด สำหรับความพร้อมของทีมล่าสุดจะหมดสิทธิ์ใช้งาน คริส สมอลลิ่ง, ลุค ชอว์, ดาร์ลี่ย์ บลินด์ และ อังเกล ดิ มาเรีย สี่แข้งหลักที่เดี้ยงอยู่ทั้งสิ้น ส่วนในรายของ เจสเซ่ ลินการ์ด ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาลงซ้อม น่าจะฟิตไม่ทันลงสนามในคืนนี้ คาดว่า ฟาน กัล ยังคงใช้แผน 4-3-3 โดยให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (14 นัด/6 ประตู), เวย์น รูนี่ย์ (11 นัด/5 ประตู) และ เจมส์ วิลสัน (6 นัด) เป็นสามประสานในแดนหน้า และวาง ไมเคิ่ล คาร์ริค (6 นัด) คุมเกมกลางสนาม ส่วนคู่เซ็นเตอร์ใช้ จอนนี่ อีแวนส์ (4 นัด) กับ มาร์กอส โรโฮ (10 นัด) ตามเดิม

ตัวแบน : -
เช็คฟิต :
กองหลัง - ฟิล โจนส์ (4 นัด), เจสเซ่ ลินการ์ด (1 นัด)
ตัวเจ็บ/หมดสิทธิ์ :
กองหลัง - ลุค ชอว์ (7 นัด), คริส สมอลลิ่ง (9 นัด/1 ประตู)
กองกลาง - ดาร์ลี่ย์ บลินด์ (8 นัด/1 ประตู), อังเกล ดิ มาเรีย (11 นัด/3 ประตู)

          ส่วนทางฝั่งของทีมเยือนอย่าง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 9 ของผู้จัดการทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แม้ว่าจะไม่แพ้ใครเลย 5 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ แต่เป็นการเสมอถึง 3 ครั้ง สำหรับความพร้อมของทีมก่อนเกมมีข่าวดีเล็กน้อย เมื่อ มาริโอ บาโลเตลลี่ หายเจ็บกลับมาลงซ้อมได้แล้วและอาจจะมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้ ส่วนในรายของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ยังคงเดี้ยงอยู่ คาดว่า ร็อดเจอร์ส จะจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 โดยให้ ริคกี้ แลมเบิร์ต (13 นัด/1 ประตู) เป็นหอกตัวเป้า และใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (14 นัด/2 ประตู), สตีเว่น เจอร์ราร์ด (15 นัด/3 ประตู) และ ราฮีม สเตอร์ลิง (15 นัด/3 ประตู) ทำเกมรุกจากแดนกลาง

ตัวแบน : -
เช็คฟิต :
กองหน้า - มาริโอ บาโลเตลลี่ (9 นัด)
ตัวเจ็บ/หมดสิทธิ์ :
กองหลัง - จอน เฟลนาแกน (-)
กองกลาง - ซูโซ่ (-)
กองหน้า - แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ (3 นัด/1 ประตู)

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (4-3-1-2) : ดาบิด เด เกอา - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, จอนนี่ อีแวนส์, มาร์กอส โรโฮ, แอชลี่ย์ ยัง - อังเดร เอร์เรร่า, ไมเคิ่ล คาร์ริค, มารูยาน เฟลไลนี่, ฆวน มาต้า - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่, เวย์น รูนี่ย์,

ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - ฆาเบียร์ มานกีโญ่, มาร์ติน สเคอร์เทล, ยาย่า ตูเร่, เกล็น จอห์นสัน - ลูคัส เลว่า, โจ อัลเลน - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ราฮีม สเตอร์ลิง - ริคกี้ แลมเบิร์ต

ทรรศนะ BlueSevenZ

          ศึกวันแดงเดือดที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด คืนนี้นั้นฟอร์มของทั้งคู่ต่างกันอยู่พอตัว "ผีแดง" นั้นล่าสุดเก็บชัย 5 เกมรวดฟอร์มตอนนี้เรียกได้ว่าติดลมบน ผิดกับฝั่งทีมเยือน "หงส์แดง" ที่ฟอร์มการเล่นนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร และเพิ่งตกรอบศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาด้วยในกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ทางด้าน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จะหมุนเวียนใช้นักเตะจนระบบการเล่นในทีมตอนนี้นั้นเรียกได้ว่า รวนเลยทีเดียว ทำให้เป็นจุดอ่อนให้กุนซือ หลุยส์ ฟาน กัล ของแมนฯยู ที่ประสบการณ์มากกว่ามองเห็นจุดอ่อนตรงนี้ ขณะที่สภาพร่างกายของแข้งหงส์แดงนั้นก็ไม่ค่อยสดเท่าไหร่เหตุต้องเล่นทุก ๆ 3 วันอาจมีอาการล้าให้เห็นได้ 

          เกมนี้เชื่อว่าเดือดเหมือนทุกครั้งแน่ ศักดิ์ศรีที่คํ้าคอกันอยู่ทำให้ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้ ลิเวอร์พูลคงจะมาเน้นตั้งรับแล้วรอสวนกลับ แต่ แมนฯยูฯ คงไม่สนใจและบุกเข้าใส่เต็มที่โดยอาศัยความมั่นใจของนักเตะที่มากกว่าบดผู้มาเยือนที่ขวัญกำลังใจและระบบการเล่นอยู่ในช่วงไม่ค่อยดี สถานการณ์เกมนี้เจ้าบ้านทรงดีกว่าน่าจะคว้าชัยเป็นผลสำเร็จแต่สกอร์อาจจะไม่ขาด 

ฟันธง : " แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ 2-1"

อัตราความมั่นใจ : 8/10