สวัสดีครับมิตรรักแฟนผีทุกท่าน สัปดาห์นี้ก็เป็นอีกสัปดาห์นึงที่จบลงแบบกร่อยๆ อย่างที่รู้ๆกัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปยัน เสมอ เวสต์แฮม 1-1 ที่ โบลีย์น กราวด์
ขอใช้คำว่า "บุกไปยันเสมอ" คงไม่ว่ากันนะครับ เพราะรูปเกมวันนั้นมันเล่นไม่เอาอ่าวจริงๆ ถ้าไม่ได้ซุปเปอร์เซฟจากเทพลามะคนเดิมป่านนี้ไม่รู้จะต้องอับอายกันขนาดไหน
เกมนี้เรียกว่า เวสต์แฮม พับสนามบุกเพลินเลยทีเดียว แม้ เด เคอา จะปัดป้องไปได้หลายครั้งแต่แล้วก็ไม่รอดจนได้เมื่อ ชิกู คูยาเต้ ซัดให้ขุนค้อนออกทำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 49 หลังจากโดนไปก่อน 1 หมัดผีแดงเริ่มมีสติกลับมาตั้งเกมบุกอีกครั้งซึ่งกว่าจะได้ตีเสมอก็ต้องรอจนช่วงทดเวลาบาดเจ็บโดย ดาลี่ย์ บลินด์ เติมเกมขึ้นมาวอลเลย์ตีเสมอในนาทีที่ 92
เห็นเเล้วก็ละเหี่ยใจครับ ตั้งแต่ตามดูยูไนเต็ดมาในฤดูกาลนี้ ผมเห็น ฟาน กัล มีเพียง 2 แท็คติกเวลาทีมโดนนำไปก่อน ... นั่นคือ 1. เอาเฟลไลนี่ไปยืนกองหน้าแล้วบอมบ์ลูกโด่งอย่างเอาเป็นเอาตาย และ 2. ส่ง เจมส์ วิลสัน มาใช้ความเร็วป่วนแนวรับคู่แข่งในช่วงท้ายเกม
นั่นละครับคุณผู้ชม #เกมนี้ก็เช่นกัน ฟาน กัล ส่งเฟลไลนี่ลงมาเล่นลูกกลางอากาศตามเคยถึงแม้มันจะได้ผลก็ตาม แต่แท็คติกลักษณะนี้มอยส์มันก็ใช้ได้ ทีมเล็กทีมน้อยในดิวิชั่นล่างๆก็ใช้กันหมด มันคือแท็คติกสำเร็จรูปสำหรับทีมที่ไม่มีทางเลือกและต้องการประตูอย่างแท้จริง
แต่มองกลับกัน เงิน 150 ล้านปอนด์ที่ใช้พัฒนาทีมในช่วงซัมเมอร์ด้วยนักเตะเกรดคุณภาพมากมายแต่กลับใช้แท็คติกที่เห่ยโคตรๆขนาดนี้ อย่าว่าแต่ตอนโดนนำเลย บางทีเกมตันๆอยู่ก็แกก็เอาหมดเหมือนกันกับบอลโด่งลักษณะนี้ ... เมื่อไหร่จะได้เห็นการเซ็ตเกมสวยๆ หรือบอลโต้กลับที่เฉียบขาดอีกก็ไม่รู้น้อออ
มาดูกันที่อีก 1 เรื่องที่ ฟาน กัล โดนวิจารณ์อย่างหนักนั่นคือการ "มั่วตำแหน่ง" ของนักเตะในทีม ไม่ว่าจะเป็นการ ถอยเวย์น รูนี่ย์ มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ หรือการจับ อังเคล ดิ มาเรีย ไปเล่นกองหน้าบ้าง มิดฟิลด์บ้าง ถ้าผลงานทีมดี ผลการแข่งขันเยี่ยมยอดคงไม่มีใครกล้าติติงหรอกครับใช่มั้ยล่ะ ?
ส่วนของดิ มาเรีย นั้นผมพอเข้าใจได้ว่าอาการบาดเจ็บอาจจะพรากฟอร์มตอนต้นฤดูกาลของเขาไป อาจจะต้องใช้เวลาเรียกจังหวะเดิมๆกลับมากันบ้าง แต่ในส่วนของรูนี่ย์ เขามีตำแหน่งที่ดีที่สุดที่พิสูจน์ตัวเองมาเเล้วกว่า 10 ปี ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆที่จะจับเขาไปเล่นในตำแหน่งอื่นนอกจากจะไม่เหลือผู้เล่นในตำแหน่งดังกล่าวในทีมเท่านั้น
ร่ายไปเดี๋ยวจะหาว่ายกเมฆขึ้นมาพูด เรามากัปตันทีมของเรากันว่าสถิติการลงเล่นในการเป็นกองหน้าและกองกลางต่างกันอย่างไรบ้าง
เมื่อเล่นตำแหน่งกองหน้า ลงเล่น : 9 , ทำประตู : 5 , โอกาสทำประตู : 26 , ยิงเข้ากรอบ : 8 , แอสซิสต์ : 3 , การสร้างโอกาส : 11 , จ่ายบอลต่อเกม : 48 ครั้ง , สัมผัสบอลต่อเกม : 65 ครั้ง
เมื่อเล่นตำแหน่งกองกกลาง ลงเล่น : 11 , ทำประตู : 3 , โอกาสทำประตู : 17 , ยิงเข้ากรอบ : 5 , แอสซิสต์ : 3 , การสร้างโอกาส : 18 , จ่ายบอลต่อเกม : 65 ครั้ง , สัมผัสบอลต่อเกม 83 ครั้ง
แค่นี้ก็คงจะพอมองออกนะครับว่าตำแหน่งไหนคือตำแหน่งที่กัปตันของเราจะแสดงศักยภาพได้ดีมากที่สุด เรามีกองกลางดีๆเยอะเเยะเต็มไปหมด บลินด์ , คาร์ริค , เฟลไลนี่ , เอร์เรร่า หรือ แม้กระทั้ง มาต้า หรือ ดิ มาเรีย เองก็เคยเล่นในตำแหน่งดังกล่าว 6 ตัวเลือกเชียวนะครับสำหรับแดนกลาง ไม่รู้ว่าความดื้อดึงหรืออะไรของฟาน กัล ที่ยังดันทุรังใช้ รูนี่ย์ ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์อยู่ ?
อาการดื้ดึงของกุนซือชาวดัตช์ชักจะทำให้แฟนบอลรำคาญมากขึ้นทุกที ถ้าออกมาดีคำวิจารณ์เหล่านี้คงหมดไป แต่เมื่อมันเห็นๆกันอยู่ว่าเขาคิดมากเกืนไปจริงๆ หากเขายังคงดื้อดึงต่อไป และผลงานยังต่ำเตี้ยเรี่ยราดแบบนี้คาดว่าอีกไม่นาน ฟาน กัล คงได้ตามรอย เดวิด มอยส์ เป็นแน่แท้ครับ