เกมที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม เกมนี้ หลุยส์ ฟาน กัล ส่งผู้เล่นลงสนามในระบบ 4-4-2 ไดมอนด์ โดย 11 ตัวจริงมีดังนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา , แพ็ดดี้ แม็คแนร์ , ฟิล โจนส์ , มาร์กอส โรโฮ , ลุค ชอว์ , มารูยาน เฟลไลนี่ , อังเคล ดิ มาเรีย , ดาลี่ย์ บลินด์ , อันเดร์ เอร์เรร่า , เวย์น รูนี่ย์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ดูจากการจัดตัวเเล้วแฟนๆคงอุ่นอกอุ่นใจกันพอสมควร เพราะจัดหลัง 4 อย่างที่หลายๆคนเรียกร้องกันมา รวมถึงแดนกลางก็เลิกดันทุรังใช้ เวย์น รูนี่ย์ เล่นมิดฟิลด์เป็นที่เรียบร้อย
แต่ครับแต่ การจัดตัวแบบนี้แบบที่หลายๆความเห็นก่อนเกมบอกว่า "น่าพอใจ" ฟอร์มการเล่นกลับไม่เอาอ่าวอีกเช่นเคย
โดยในช่วง 25 นาทีแรก "ปีศาจเเดง" หาบอลกันแทบไม่เจอ แดนกลางครองบอลและตัดเกมไม่ได้เลย โดยสวอนซี มีโอกาสทำประตูจะๆจากลูกโหม่งของ บาเฟติบี้ โกมิส โหม่งจ่อๆในช่วงต้นเกม แต่เคราะห์ดีที่ อันเดร์ เอร์เรร่า สกัดบอลออกจากเส้นประตูได้อย่างหวุดหวิด เท่านั้นยังไม่พอถัดมาไม่กี่นาที สวอนซี ยังได้ลุ้นทำประตูจาก โกมิส และ เร้าท์เล็ดจ์ แต่ก็เป็น เด เคอา ที่เซฟช่วยทีมไว้ได้ตามเคย
ขณะที่ยูไนเต็ดโดนบดจนจะยุบอยู่เเล้ว โอกาสการเซ็ตบอลสวยๆครั้งเดียวครึ่งแรกในนาทีที่ 28 ก็ส่งผลให้ ยูไนเต็ด ออกนำไป 1-0 เริ่มจาก ลุค ชอว์ พาบอลบุกมาทางกราบซ้ายก่อนจะเปิดยัดเข้ามาที่รูนี่ย์ ก่อนที่กัปตันทีมจะแปะบอลสั้นมาให้ ดิ มาเรีย ที่ดูเหมือนจะหมดมุมยิงแต่เขายังป้ายบอลมาทางขวาของกรอบเขตโทษและเป็น อันเดร์ เอร์เรร่า วิ่งเข้ามาซัดเสียบเสาสองอย่างสวยงาม
เหมือนทุกอย่างกำลังจะดี แต่ก็เป็นแค่ภาพหลวงตาเหมือนหลอกให้เสียวเเล้วเลี้ยวกลับ นาทีที่ 30 เท่านั้น สวอนซี บุกมาทางฝั่งซ้ายก่อนที่ เชลวี่ จะครอสบอลข้ามคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของปีศาจเเดงและย้อยมาเข้าเท้า กี ซุง ยอง ก่อนที่ดาวเตะพลังโสมจะวอลเลย์ตามน้ำชนิดที่ว่า เด เคอา ไม่ต้องคิดจะเซฟกันเลยงานนี้
หลังจากโดนยิงยังเป็นสวอนซีที่ครองเกมอีกอยู่ดี โดย ยูไนเต็ด ทำได้เพียงแค่โยนยาวจากแดนตัวเองไปให้ เฟลไลนี่ ซึ่งเจ้าฟูก็เก็บบอลได้ตลอดแต่ไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับกองหลัง สวอนซี ได้เลย ก่อนที่เกมจบครึ่งแรกไปแบบเซ็งๆ ด้วยผลเสมอกัน 1-1
เริ่มครึ่งหลัง ฟาน กัล ส่ง วาเลนเซีย ลงมาแทน แม็คแนร์ ที่อืดเป็นเรือเกลือในครึ่งแรก ซึ่งก็เหมือนจะดีขึ้น วาเลนเซีย พาบอลขึ้นไปข้างหน้าได้บ่อยครั้งแต่นั่นก็ดีไม่พอที่สร้างความกดดันได้ ยูไนเต็ดเหมือนทีมไร้มิตินอกจากการโยนบอมบ์ไปให้ เฟลไลนี่ เหมือนครึ่งแรกและผลลัพท์มันก็เหมือนเดิมคือ "ทำอะไรไม่ได้"
เกมทั้งสองฝั่งยังคงตื้อๆตันๆ เมื่อเวลาการเเข่งขันเดิมถึงนาทีที่ 65 ยูไนเต็ดเหมือนเริ่มจับทางได้มีโอกาสบุกกัดดันหลายครั้ง แต่ก็ยิงทิ้งยิงขว้างบ้างโดนสกัดบ้างซึ่งดูเหมือนจะเป็นสัญญาณที่
ฟ้าฝ่ารอบสองบดเขาอยู่แท้ๆ สวอนซีก็เซ็ตบอลมาจากไหนไม่รู้อยู่ดีๆ จอนโจ้ เชลวี่ ซัดด้วยเท้าขวาจากระยะ 30 หลา บอลแฉลบหัวโกมิสทำให้ เด เคอา หมดปัญญาเซฟแน่นอน! สวอนซี ออกนำอีกครั้งเป็น 2-1
จากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ยูไนเต็ด โยนให้เฟลไลนี่ สวอนซีก็รอสวนกลับ ทำให้จบ 90 นาที สวอนซี เป็นฝ่ายชนะไป 2-1 แบบจืดชืดโคตรๆสำหรับแฟนๆแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จบในส่วนของรีวิวต่อไปเป็นความคิดเห็นหลังเกมจากทีมงาน glory-manutd.com
เกมนี้เป็นอีกเกมที่ไร้จินตนาการสุด การเข้าทำยังคงหวังผลไม่ได้อีกเช่นเคย จากที่ผมติดตามมาตลอดผมขอคิดไปเองเเล้วกันว่า กองกลางคือปัญหา น่าแปลกจริงๆครับ กองกลางคือตำแหน่งที่เรามีนักเตะตำแหน่งนี้มากที่สุด แต่เมื่อเจอขู้แข่งบดทีไรกลับออกอาการป้อแป้อย่าว่าแต่ครองบอลเลยครับ ออกบอลในจังหวะสวนกลับสวยๆยังไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำไป
ผมเองก็ยังไม่เคยชินซักทีแมนฯยูฯที่ลงเล่นด้วยไม่มีปีก! นั่นเป็นอีก 1 ข้อที่ผมสงสัยมานาน ดูจากการเซ็ตเกมในเกมนี้ที่นอกจากจะโยนให้พี่ฟูโหม่งก็มีแต่การป้ายออกด้านข้างให้วิงแบ็คทั้งสองฝั่งหาทางเปิดกันเอาเองและมักลงท้ายด้วยการป้ายบอลคืนหลังซะเกือบ 90% ซึ่งเราก็ไม่ใช่โค้ชก็คงทำได้แต่เฝ้าดูกันต่อไป
เอาจริงๆเกมนี้ สวอนซี ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มหรูหราอะไรเลย เพียงแต่นักเตะของยูไนเต็ดเล่นได้ต่ำกว่ามารตรฐานทุกคน ย้ำเลยนะครับว่าทุกคน พวกเขาไม่สามารถรับผืดชอบหน้าที่ของตัวได้เลยในแต่ละตำแหน่ง และเมื่อนัดกันฟอร์มออกทะเลแบบนี้ต่อให้แพ้มากกว่านี้ก็ไม่แปลกหรอกครับ
ท้ายที่สุดจริงๆ ก็อยากให้มองโลกในแง่ดีไว้หน่อย เรายังคงอยู่ในอันดับ 4 ถึงแม้ฟอร์มการเล่นจะห่วยแตกปานใดสุดท้ายมันต้องมาวัดกันที่ผลลัพท์อยู่ดีครับ ใจเย็นๆเเล้วเชียร์กันต่อไปดีกว่าครับผม เพราะมันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ 555+
สวัสดีครับ