หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับว่าได้ตั้งเป้าหมายจะนำถ้วยแชมป์มาที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฤดูกาล 2015/16 แล้ว แม้ว่าฤดูกาลแรกของเขากับแมนฯยูไนเต็ด จะยังไม่จบลงก็ตาม
เป้าหมายสูงสุดในฤดูกาล 2014/15 ที่แสนวุ่นวายมาถึงช่วงท้ายแล้ว "เดอะ เร้ดส์" ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก ทว่าด้วยชื่อเสียงและประวัติที่เป็นมา การไร้ถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือเหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้ความทะเยอทะยานที่อยู่ภายในของ หลุยส์ ฟาน กัล ยิ่งลุกโชนขึ้นไปอีก
ฟาน กัล สามารถคุยโวเรื่องการคว้าแชมป์ลีกในสเปน, เยอรมัน และ ฮอลแลนด์ และมีมากกว่า 1 ครั้งแน่นอนที่เขาเข้าไปรับงานกับสโมสรใหม่แล้วจัดการคว้าแชมป์ให้สโมสรได้ทันที ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว
ฤดูกาลที่แล้วแมนฯยูฯจบที่อันดับ 7 ของตาราง มีการปรับเปลี่ยนผู้จัดการทีมและผู้เล่นในช่วงซัมเมอร์ที่แสนวุ่นวายทำให้การสร้างแมนฯยูฯในประสบความสำเร็จมีความยากลำบากมาก
การพูดคุยเรื่องซิวแชมป์
อย่างไรก็ตามก่อนเกมไปเยือนเอฟเวอร์ตัน ลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล มีแต้มมากกว่าคะแนนทั้งหมดที่ได้ในปีที่แล้ว (64 คะแนน) อยู่ 1 แต้ม จากสถิติที่ว่าและรวมกับฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของทีมแสดงให้เห็นว่าทีมมีความก้าวหน้าที่รวดเร็ว และบ่งบอกว่าปรัญชาการทำทีมของ ฟาน กัล ท้ายที่สุดก็บรรลุผลสำเร็จ
หากพูดถึงเรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ฤดูกาลนี้ยูไนเต็ดจะเข้าสู่ 4 เกมสุดท้ายด้วยการไล่ล่าพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีกรวมไปถึงตำแหน่งรองแชมป์ ทว่าฤดูกาลที่ผ่านมาแรงกระตุ้นเดียวในช่วงเวลาเดียวกันก็คือเล่นเพื่อเกียรติเท่านั้นภายใต้การคุมทัพของ ไรอัน กิ๊กส์
ฟาน กัล เคยถูกถามเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าเขาพอใจกับปรัชญาการทำทีมที่ให้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็วและการสร้างมาตรฐานที่สูงให้ทีมในแบบฉบับของเขาหรือเปล่า? เจ้าตัวตอบว่า "มันก็ไม่เร็วขนาดที่ผมต้องการนะ เพราะว่าถ้าเป็นที่อื่นผมพาทีมคว้าแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว ปกติปรัชญาการทำทีมของผมจะต้องมีแชมป์ติดมือ แต่เรามีการเปลี่ยนแปลงสำคัญไม่ใช่แค่ปรัชญการทำทีมเท่านั้น ยังมีเรื่องที่พัก (เอออน เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์), โครงสร้างของสโมสรและอื่นๆด้วย เรากำลังทำงานร่วมกันในจุดนี้"
"ผมมีเวลา 3 ปีที่นี่และผมยินดีที่จะพาทีมคว้าแชมป์ทั้งสามปี แต่ดูแล้วอาจจะต้องเป็นปีหน้าอ่ะนะ"
ด้วยบทสัมภาษณ์ที่ว่า ฟาน กัล ไม่น่าจะโฟกัสแค่การพาทีมจบด้วยอันดับที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้เท่านั้น เขาเปิดเผยแผนการเมื่อเร็วๆนี้เกี่ยวกับการทำปรับทีมให้แข็งแกร่งว่าเริ่มทำกันตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว รวมไปถึงการประเมินขุมกำลังปัจจุบัน, นักเตะที่ถูกยืมตัวออกไป, และเป้าหมายในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ที่น่าจะมีความสำคัญไม่ต่างจากปีที่แล้ว
พัฒนาการของขุมกำลัง
ประตูชัยของ ฮาเบียร์ เอร์นานเดซ ที่ยิงให้ เรอัล มาดริด เอาชนะ แอตฯ มาดริด ในศึกยูซีแอลรอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้หัวหอกเม็กซิกันกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งแม้ว่าโอกาสในการลงสนามให้ มาดริด จะมีจำกัดก็ตาม ขณะเดียวกันฟอร์มการเล่นของ ราดาเมล ฟัลเกา ที่ได้โอกาสกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้งในเกมกับเชลซีก็ยังไม่เป็นที่น่าประทับใจ
เมื่อถูกถามโดยสื่ออังกฤษเกี่ยวกับอนาคตของนักเตะทั้งสองคน ฟาน กัล พูดว่าเรื่องนี้ขอพูดส่วนตัวกับนักเตะเอง ส่วน ฟัลเกา ที่ยิงได้เพียง 4 ประตูในแมนฯยูฯในฤดูกาลนี้กุนซือดัตช์พูดว่า "คุณตัดสินเขาจากจำนวนประตูที่ยิงได้อย่างเดียวไม่ได้นะ ผมเคยพูดไปแล้วเรื่องของ ฟาน เพอร์ซี่, รูนี่ย์, ฟัลเกา หรือ ชิชาริโต้"
"ผมชอบวิธีที่ ฟัลเกา เล่นกับเชลซีนะ เขาอยู่ในจุดที่ทีมเข้าทำเสมอแต่แค่โชคไม่ดีที่ยิงประตูไม่ได้เพราะว่าลูกหนึ่งดันยิงไปชนเสา เขามีโอกาสที่จะได้ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงในฤดูกาลนี้แต่เขาก็ไม่ได้ ดังนั้นคุณพูดได้ว่าเขาโชคไม่ดีเพราะนักเตะอย่างนี้ถือว่ามีคุณภาพเลย"
"เขาทำงานหนัก เล่นในแบบที่ผมต้องการ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณไม่ได้อยู่ในตัวจริง คุณก็คงไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าใช่มั้ยล่ะ คุณจำเป็นต้องมีความท้าทายนั่นเป็นสาเหตุที่ผมให้ ชิชาริโต้ กับ เวลเบ็ค ไป"