สตีฟ แม็คคลาเรน อดีตกุนซือ “สิงโตคำราม” ออกมากล่าวเปิดใจยอมรับว่าการโดนปลดออกจากตำแหน่งนายใหญ่ทีมชาติอังกฤษ ถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดในชีวิตบนเส้นทางลูกหนัง แต่ยืนยันหลังทำใจได้จะกลับมาลุยงานคุมทีมต่ออย่างแน่นอน
ภายหลังทราบข่าวเรื่องการไล่ออกจากทาง เอฟเอ ทาง สตีฟ แม็คคลาเรน ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนโดยกล่าวเปิดใจว่า วันที่ตนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เมื่อ 18 เดือนที่แล้ว ถือเป็นวันที่รู้สึกภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต แต่กลับกันวันนี้ถือเป็นอีกวันที่เศร้าที่สุดนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนัง ซึ่งอันที่จริงแล้วตนต้องการที่จะอยู่คุมทีมชาติอังกฤษต่อไป แต่ก็เข้าใจการตัดสินของทาง เอฟเอ เป็นอย่างดี เพราะถึงตอนนี้ตนยังรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจพาทีมผ่านรอบคัดเลือกและเชื่อว่าแฟนบอลทั้งประเทศก็คงรู้สึกเสียใจเช่นเดียวกัน
พร้อมกันนั้น แม็คคลาเรน ยืนยันว่าจะกลับมาแสวงหาความท้าทายครั้งต่อไปอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าช่วงเวลา 18 เดือนที่ผ่านมาทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น เพราะได้บทเรียนมากมายและสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อไป
ทางด้านบรรดากุนซือชื่อดังที่ตกเป็นข่าวว่า ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ กำลังให้ความสนใจและอยู่ในข่ายที่น่าจะถูกทาบทามเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนต่อไป ต่างออกมาลงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดย ฟาบิโอ คาเปลโล่ อดีตเทรนเนอร์ เรอัล มาดริด ที่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้สันทัดกรณีลูกหนังเมืองผู้ดี แสดงความสนใจที่จะเข้ามารับงานต่อจาก สตีฟ แม็คคลาเรน เพราะเชื่อว่าการคุมทีมชาติอังกฤษถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่และตนมีวัยวุฒิเพียงพอจะทำได้
ขณะที่ แซม อัลลาร์ไดซ์ อดีตตัวเต็งเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว ออกมาปฏิเสธชัดเจน โดยให้เหตุผลว่าเพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่กับ นิวคาสเซิ่ลและต้องการอยู่สร้างชื่อเสียงกับทีมต่อไป แต่ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ กุนซือทีม ปอร์ทสมัธ กล่าวแบ่งรับแบ่งสู้ระบุว่า ไม่ว่าผู้จัดการทีมคนใดก็ต้องปรารถนาที่จะคุมทีมบ้านเกิดของตนเอง เพราะเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ในการทำงานร่วมกับเหล่าผู้เล่นระดับสุดยอดของประเทศ แต่ตอนนี้ดูแล้วโอกาสของตนยังไม่ชัดเจนสักเท่าไร
ส่วนในรายของ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตผู้จัดการทีม เชลซี ที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งว่าที่นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษคนต่อไปจากบริษัทรับพนันถูกกฏหมายของเมืองผู้ดี นั้น โจนาธาน ลีการ์ด ผู้สื่อข่าว บีบีซี วิเคราะห์ว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อยเหลือเกิน เพราะเชื่อว่า กุนซือชาวโปรตุเกส อยากกลับมาคุมทีมในระดับสโมสรที่เต็มไปด้วยความท้าทายมากกว่าและหาก มูรินโญ่ จะรับงานคุมทีมชาติจริงก็น่าจะเป็น โปรตุเกส ทีมเดียวเท่านั้น
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47