สวัสดีครับพี่น้องแฟนผีทุกท่าน ช่วงนี้หลายท่านคงหน้าชื่นตาบานยิ้มไม่หุบกันเป็นวันๆเพราะหลังจากที่ ลอร์ดเอ็ด โชว์ฟอร์มฮ็อตยิ่งกว่าหินภูเขาไฟจัดการคว้าตัวนักเตะ 3 คนใน 24 ชั่วโมง ก็ทำให้แฟนๆยูไนเต็ดทั่วโลกคึกคักกันเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ที่มีหลากหลายประเด็นให้พูดถึงมากมายเลยทีเดียว
วันนี้ผมจะขอเริ่มกันที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ กองกลางวัย 30 ปีเจ้าของค่าตัว 14.5 ล้านปอนด์ก่อนก็เเล้วกันนะครับ เพราะหากวัดจาก 3 แข้งใหม่ที่เพิ่งเสิรมกันเข้ามาดูเหมือนว่า ชไวนี่ จะเป็นนักเตะที่ถูกแฟนบอลตั้งคำถามเกี่ยวกับเขามากที่สุดเลย
หลายๆเสียงวิจารณ์เชื่อกันว่า ชไวนี่ ผ่านจุดพีคมาเรียบร้อยแล้วและการที่ ยูไนเต็ด ได้ตัวเขามาเสริมทัพคือการลงทุนที่แสนจะไร้ประโยชน์ !? ... อย่าครับ อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น วันนี้ผมจะมาบอกถึงเหตุผลว่าทำไม ยูไนเต็ด จึงทุ่มเงินเกือบ 15 ล้านปอนด์เพื่อนักเตะวัย 30 ปี และทำไม ชไวนี่ จะกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาทีมประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้
1. อยู่กับกุนซือที่รู้ใจอะไรมันก็ง่าย
อย่างที่รู้ๆกันนะครับ หลุยส์ ฟาน กัล คือคนที่ปั้น ชไวนี่ จากดินสู่ดาวของแท้ๆ แม้ว่าออตมาร์ ฮิตเฟลท์ จะเป็นกุนซือคนแรกที่ให้โอกาสเขาลงสนามในทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น แต่ทว่าสิ่งที่ ฮิตเฟลท์ ทำคือการจัดการไอ้หนูชไวนี่ในวัย 18 ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวา ... ซึ่งหลังจาก ฟาน กัล เข้ามาทำทีมบาเยิร์น เหมือนเขาเห็นอะไรสักอย่างในตัวไอ้เด็กคนนี้เขาจึงจัดการปรับตำแหน่งเปลี่ยนสไตล์ชไวนี่ด้วยการหุบเข้ามาเล่นกองกลางและหลังจากนั้นเราคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ชไวนี่ ได้กลายเป็นนักเตะที่ เสือใต้ ขาดไม่ได้ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
2. คุณภาพระดับท๊อปที่พิสูจน์ตัวเองมาเเล้ว
ไม่ต้องสงสัยในคุณภาพของเขาหรอกครับ ดีกรีแชมป์โลก , แชมป์ยุโรป , แถมพี่แกก็ฟาดแชมป์ลีกกับบาเยิร์นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนแทบขี้เกียจนับ ทำให้เรามั่นใจได้มากกว่า 50% ว่าเขาจะไม่มาแป๊กกับ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน ตัวอย่างมีให้เห็นครับ ... เมื่อนานมาเเล้ว ยูไนเต็ด คว้าตัวโอเว่น ฮากรีฟส์ มาจาก บาเยิร์น มิวนิค และเพียง 1 ฤดูกาล "ฮาร์โก้" เข้ามาเป็นตัวหลักในทีมปีศาจเเดงเขาเข้ามาสร้างสมดุลให้กับทีมไม่ว่าจะยืนคู่กับ สโคลส์ , คาร์ริค หรือ อันเเดร์สัน เขามักจะทำผลงานได้โดดเด่นแทบทุกเกม ไม่ใช่แค่ผลงานเท่านั้นฮาร์โก้ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปีศาจเเดงฟาดแชมป์พรีเมียร์ลีก และ ยูซีแอล อย่างยิ่งใหญ่ แม้ท้ายที่สุดแล้วอาการบาดเจ็บจะพรากเขาไปก็ตาม แล้วทำไม ชไวนี่ จะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ ??(เรื่องฟอร์มการเล่นนะไม่ใช่อาการบาดเจ็บ อิอิ)
3. คาร์ริค ไม่ใช่นักเตะที่จะลงเล่น 40 เกมต่อฤดูกาลอีกต่อไป
พี่ปลัดในวัน 34 ปีโรยราลงไปเยอะครับ แม้ผลงานของเขาจะทรงคุณภาพมาตลอดแต่แน่นอนว่าด้วยวัยขนาดนี้เราไม่อาจจะหวังให้เขาลงเล่นทุกเกมได้อีกแล้ว ... สิ่งที่เราเห็นจากฤดูกาลที่เเล้วยามที่คาร์ริคไม่ได้ลงสนามคืออะไร ? นั่นคือการเล่นบอลที่ไร้ทรงและครองบอลไม่ได้ในทันทีอย่างที่ทุกท่านได้เห็นกัน
ชไวนี่ เป็นมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอลในระดับต้นๆของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาวิ่งเป็นม้าจากหน้ากรอบเขตโทษตัวเองถึงฝั่งตรงข้าม เขาช่วยคุมจังหวะบอลให้บาเยิร์นครองบอลต่อเกมมากถึง 70% มานักต่อนัก แล้วแบบนี้ทำไม ชไวนี่ จะไม่มีประโยชน์ล่ะครับ ??
4. เหลือดีกว่าขาด
หลายคนบอกว่า เฮ้! กองกลางเราเยอะแทบขี่คอกันลงเล่น จะดึงไอ้หมอนี่มาอีกทำไม ?? ... มองให้ลึกกว่านั้นครับ มิดฟิลด์ที่ยูไนเต็ดมีนั้นแต่ละคนค่าพลังจะชี้ไปทางเกมรุกเสียส่วนใหญ่ หากย้อนกลับมาในตำแหน่งกองกลางโควต้าเกมรับเรามีเพียง คาร์ริค , บลินด์ 2 คนเท่านั้นที่ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระคอยจ่ายบอลคุมจังหวะเกมและคอยปัดกวาดก่อนถึงกองหลัง และนั่นมันพอหรือสำหรับการลงเล่น 4 รายการในฤดูกาลที่จะถึงนี้ ??
5. ชไวนี่ ไม่ใช่นักเตะใจเสาะ!
ถ้าคิดว่าเขาจะย้ายมาเพื่อเล่นชิลๆรับเงินนอนอยู่บ้านสบายๆ คุณมองเขาผิดแล้วล่ะ !! เขาคือยอดนักสู้ที่ใส่แพสชั่นลงไปในการเเข่งขันอย่างเต็มที่ หากยังคงจำได้ในเกมนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกกับเชลซีในปี 2012 และเสือใต้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างเจ็บปวด เกมนั้น ชไวนี่ หลั่งน้ำตาแบบไม่อายใครเหมือนว่าโลกกำลังจะแตกในตอนนั้นเลยทีเดียว
1 ปีต่อมา ชไวนี่ ชายที่บ่อน้ำตาแตกกลางเวทียุโรปกลับมาอีกครั้งในมาดใหม่ เขาพาทีมเสือใต้ฟาดทริปเบิลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ และนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนถอดใจ และยังเต็มที่กับสโมสรเพื่อความสำเร็จของทีมจนถูกยกย่องว่าเขาคือผู้ปิดทองหลังพระของ เสือใต้ ในยุคนั้น!
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าเขาทุ่มเทเต็มที่ให้กับยูไนเต็ดเหมือนที่เขาทำให้กับบาเยิร์น มิวนิค เพราะนักเตะเยอรมันนั้นขึ้นชื่อเรื่องวินัยและความฟิตอยู่เเล้ว ... ข้อนี้เป็นความเชื่อของผมเองล้วนๆเพราะผมคิดว่าเขาคือนักเตะคนหนึ่งที่น่ายกย่องทั้งในและนอกสนาม
ท้ายที่สุดแล้วอยากให้ทุกท่านระลึกไว้ว่า นักเตะคนใดก็ตามที่สวมยูนิฟอร์มของปีศาจเเดงนั่นแปลว่าพวกเขาได้แบกประวัติศาสตร์ที่แสนยิ่งใหญ่ของสโมสรไว้บนบ่า สิ่งที่เราทำได้คือเอาใจช่วยพวกเขาให้ถึงที่สุด ... แล้วเรามาคอยดูกันครับ ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับปีศาจเเดง ทีมจะพัฒนาไปทางบวกหรือลบในฤดูกาลนี้ ... อีกไม่นานเราได้รู้กันแน่ครับผม