สวัสดีครับมิตรรักแฟนผีทุกท่าน ... จบกันไปเรียบร้อยสำหรับการเเข่งขันเกมเปิดสนามของ พรีเมียร์ลีก และอย่างที่รู้ๆกันว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดหัวฤดูกาลนี้ด้วย 3 เเต้มอย่างสวยงามถึงแม้จะเป็นการชนะอย่างหืดขึ้นคอก็ตาม

      แย่หน่อยที่เกมนี้ "แฟนผี" อย่างเราๆยังไม่ได้เห็นสิ่งที่เฝ้ารอมาตลอดนั่นคือการเล่นบอลบุกและบอลเอนเตอร์เทนตามที่ยอดปรัชญาเคยให้สัญญาไว้ก่อนเปิดซีซั่น แต่ก็อย่างว่าล่ะครับเกมทางการเกมแรกเอาแค่ชัยชนะก่อนก็ถือว่าน่าพอใจเเล้ว

     เรื่องรูปเกมโดยรวมจบไว้ตรงนี้ก่อน วันนี้เราลองมาดูรายละเอียดรายบุคคลดูบ้าง ... เกมนี้ๆนักเตะหลายๆคนทำผลงานได้น่าประทับใจโดยเฉพาะในเเนวรับอย่าง โรเมโร่ ที่เปิดหัวแบบสวยๆสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าตัวได้อีกโข เช่นเดียวกับ มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน ที่ทำท่าว่าฟอร์มการเล่นจะดีเกินที่แฟนๆคาดหวังไว้เยอะเลยทีเดียว

      การเล่นของดาร์เมี่ยนมันเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ครับ คือแกแทบไม่มีจังหวะหวือหวาเช่นการเติมเกมสุดเส้นหลังครอสได้ลุ้นทั้งเกมเลยด้วยซ้ำ แต่ความธรรมดาที่เป็นมาตรฐานของ ดาร์เมี่ยนคือเขาไม่มีความผิดพลาดให้เห็นเลย ซึ่งนี่คือจ๊อบหลักของกองหลังอยู่เเล้ว เพราะฉะนั้นสำหรับดาร์เมี่ยน เกมนี้ต้องสามผ่านเท่านั้นครับ !

      ส่วนคริส สมอลลิ่ง ก็ดูดีมีระดับเหลือเกิน ประกบเเฮร์รี่ เคน เสียอยู่หมัดนอกจากนั้นลูกกลางอากาศพี่แกยังกินเรียบ ถ้าเขาเล่นแบบนี้ได้ทั้งฤดูกาลเรื่องแนวรับของพอเบาใจไปได้บ้างในซีซั่นนี้

      กวาดสายตาไปที่ตำแหน่งกองกลาง มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน แค่เกมแรกก็ซื้อใจเหล่าแฟนๆได้เต็มๆครับ เรียกว่าเขาคือมิดฟิลด์สไตล์ที่ ยูไนเต็ด หามาหาน ดูทรงเเล้ว มอร์แกน คงได้ยืนตัวหลักยาวๆอย่างแน่นอน

      มาถึงตำแหน่งสำคัญอย่างกองหน้า ... อืมมมม์ เกมนี้คงต้องบอกกันตรงๆว่าน่าผิดหวังสำหรับ เวย์น รูนี่ย์ กัปตันทีมของเรา ซึ่งมองดูผลงานทั้งเกมเเล้วน่าสงสัยว่าทำไม "วาซซ่า" ถึงหมดพิษสงลงไปเยอะขนาดนี้กัน

      นี่ไม่ใช่เกมแรกนะครับที่ผมพยายามจับตาดูการเล่นของเขาในตำแหน่ง "หมายเลข 9" นับตั้งแต่ก่อนช่วงปรีซีซั่น ฟาน กัล กล่าวไว้ว่าปีนี้ รูนี่ย์ จะรับบทบาทกองหน้าตัวเป้าเต็มตัว 4 เกมปรีซีซั่นที่อเมริกา และ 1 เกมในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวทำได้เพียง 1 ประตูเท่านั้น!!

      เรื่องการทำประตูยังพอเข้าใจได้ เพราะรูนี่ย์เองก็โดนจับลงเล่นแบบจับฉ่ายเหลือเกินในช่วง 2-3 ฤดูกาลทีผ่านมานั่นอาจทำให้เขาต้องใช้เวลาในการเรียกสัญชาติญาณดาวยิงกลับมา แต่เมื่อมองในเเง่การครองบอลหรือการเล่นที่เกิดประโยชน์กับทีมที่เคยเป็นสิ่งถนัดของเขามาตลอดกลับหายไปด้วยซะอย่างนั้น

      เรื่องใหญ่ครับงานนี้ แม้ว่าจะเป็นเพียงการเริ่มต้นที่การจั่วหัวด้วยฟอร์มติดลบแบบนี้อย่างน้อยๆต้องมีผลต่อความมั่นใจของรูนี่ย์แน่นอน เพราะเท่าที่ตามๆในทวิตเตอร์คอมเม้นหลังเกมที่มีต่อกัปตันนั้นรุนเเรงเหลือเกิน

      ไม่ใช่แค่ รูนี่ย์ คนเดียวเท่านั้นที่จะกดดันเเละหนักใจกับฟอร์มการเล่นของตัวเขาเอง งานนี้ ฟาน กัล คงต้องลำบากใจไม่มากก็น้อย เมื่อนักเตะอันดับ 1 ของทีม คนที่เขาเคยบอกว่าถ้าฟิตเต็มที่ยังไง รูนี่ย์ ต้องได้ลง 100% กำลังประสบปัญหาฟอร์มตกในเวลานี้

      อย่างที่เห็นๆกันเรื่อยมาตั้งแต่ซีซั่นที่เเล้ว "เฮียกัล" ดูจะเกรงอกเกรงใจรูนี่ย์เป็นพิเศษ ... คือน้อยครั้งมากที่ "วาซซ่า" จะโดนเปลี่ยนตัวออกถึงแม้ฟอร์มการเล่นในเกมนั้นๆจะไม่น่าประทับใจก็ตาม นี่อาจทำให้ฟาน กัล ต้องคิดหนักกับปัญหาแดนหน้าเมื่อ รูนี่ย์ ยังไม่กลับสู่ช่วงท๊อปฟอร์ม และ ชิชาริโต้ กับ เจมส์ วิลสัน ที่รอโอกาสก็ดูยังไม่พร้อมที่จะลงสนามเป็นตัวจริงของทีมในตอนนี้

      นี่คือโจทย์ที่ฟาน กัล ต้องรีบมองหาทางออกโดยด่วน ระยะเวลาของตลาดซื้อขายก็งวดเข้ามาทุกทีจะซื้อหรือจะแก้ไขอะไรต้องรีบทำเวลาเหลือไม่มากเเล้ว ... จุดเด่นของยูไนเต็ดตลอด 20 ปีมานี้คือเกมรุก และถ้าปล่อยปัญหานี้ยืดเยื้อต่อไปเครื่องหมายการค้าของปีศาจเเดงคงจะถูกลบจางหายไปในเร็ววัน

      อย่างที่บอกครับเพิ่งผ่านไปแค่เกมแรกเท่านั้น อะไรๆอาจยังไม่เข้าที่เข้าทางนั่นคือเรื่องที่เข้าใจได้ ที่ติไปเป็นเพียงสิ่งที่เห็นมากจากเกมปรีซีซั่นต่อเนื่องมาจนถึงเกมกับสเปอร์สเท่านั้น ... เมื่อเริ่มนัดไปต่อไปก็กลับมาเชียร์เต็มที่เหมือนที่เคยทำมาตลอดในทุกๆเกม

      เชื่อว่าแฟนๆทุกท่านยังคงเอาใจช่วยกัปตันของเราให้เรียกฟอร์มกลับมา ไม่ต้องถึงขั้น 30 ประตูต่อฤดูกาลก็ได้ แต่ให้เขากลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในแนวรุกอีกครั้งเหมือนที่เขาเคยทำมาตลอด ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงความลำบากใจของแฟนๆและ หลุยส์ ฟาน กัล คงหมดไป และยูไนเต็ดจะกลับสู่สไตล์ที่คุ้นเดยเดินหน้าเต็มสูบเพื่อล่าความสำเร็จที่ห่างหายไปนานหลายปีได้แน่นอน