คณะกรรมการฝ่ายวินัยของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือ ยูฟ่า ตัดสินลงโทษ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล ด้วยการห้ามลงคุมทีมในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จำนวน 1 นัด รวมถึงตัดสิทธิ์ในการเข้าพบลูกทีมในห้องแต่งตัวก่อนการแข่งขัน ภายหลังกุนซือชาวฝรั่งเศสถูกไล่ออกจากสนามในเกมรอบคัดเลือกกลุ่ม เอช ที่ อาร์เซน่อล บุกแพ้ เซบีญ่า 1-3

       เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อ เวนเกอร์ แสดงอาการไม่พอใจ เฆซุส นาบาส มิดฟิลด์เจ้าถิ่นที่ถ่วงเวลา จึงออกไปโวยวายใส่ เรโนลด์ ไวเดเมเยอร์ ผู้ตัดสินที่ 4 ตรงเส้นข้างสนาม ซึ่งถือว่าผิดกฏ ทำให้กุนซือชาวฝรั่งเศสโดนใบแดงในช่วงท้ายเกมที่สนาม ราม่อน ปิซฆวน แต่ก็แสดงท่าทีประท้วงด้วยการไม่ยอมออกจากบริเวณข้างสนามเพื่อขึ้นไปชมเกมบนอัฒจันทร์และภายหลังที่ ยูฟ่า ได้รับรายงานจากสิงห์เชิ้ตดำ จึงสั่งลงโทษ เวนเกอร์ ในที่สุด โดยบทลงโทษจะมีผลทันทีในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ที่ขุนพล "เดอะ กันเนอร์ส" จะเปิดรัง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ สเตอัว บูคาเรสต์ จาก โรมาเนีย ในวันที่ 12 ธันวาคม นี้

       อย่างไรก็ตาม เวนเกอร์ ยืนยันชัดว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์และจะยอมรับโทษแต่โดยดี ขณะที่โฆษกของ ยูฟ่า ระบุว่าอาจมีการสั่งเพิ่มโทษภายหลังการไต่สวนเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นลง

       ขณะที่ข่าวร้ายอีกอย่างสำหรับกองเชียร์ "ไอ้ปืนใหญ่" คือ เชส ฟาเบรกาส กองกลางกัปตันทีม อาจต้องหมดสิทธิ์ลงช่วยต้นสังกัดราว 10 วัน ภายหลังได้รับบาดเจ็บบริเวณเอ็นหลังหัว-เข่า มาจากเกมดังกล่าว

       อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นส่งผลให้ มิดฟิลด์ชาวสแปนิช ต้องพลาดเกมลีก 3 นัด ในช่วง 8 วันข้างหน้านี้ โดย อาร์เซน่อล มีคิวต้องเล่นเกมนอกบ้านสามนัดติดต่อกัน เริ่มจากการบุกเยือน แอสตัน วิลล่า, นิวคาสเซิ่ลและ มิดเดิ้ลสโบรช์ ซึ่ง การขาด ฟาเบรกาส ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ต่อทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ เพราะในฤดูกาลนี้ กองกลางทีมชาติสเปน วัย 20 ปี ลงเป็นตัวหลักให้กับทีมมาโดยตลอดและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ภายหลังยิง 6 ประตูและผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู 7 ครั้งจากการลงเล่นเกมลีก 12 นัด