ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ยืนกรานว่าหวังที่จะสะสางปัญหาระหว่างตัวเขากับ จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ 2 เจ้าของสโมสรร่วมชาวอเมริกันให้ได้ ก่อนเกมพรีเมียร์ชิพนัดสำคัญที่ "หงส์แดง" จะเปิดรังแอนฟิลด์ ทำศึก "แดงเดือด" กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 16 ธันวาคม นี้
ก่อนหน้านี้ เบนิเตซ มีปัญหาขัดแข้งกับ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ เนื่องจากกุนซือชาวสเปนต้องการงบประมาณในการซื้อผู้เล่นใหม่มาเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะ เปิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปีใหม่นี้ แต่ 2 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันไม่ยอมอนุมัติ โดยให้เหตุผลว่าทีมลงทุนไปเยอะแล้วในช่วงที่ผ่านมาและตอนนี้ทีมยังเสี่ยงต่อการตกรอบแรกของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ทำให้มีข่าวลือว่าบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล อาจสั่งปลด เบนิเตซ เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามล่าสุด เบนิเตซ ออกมายืนยันชัดเจน ภายหลังพาทีมเปิดบ้านชนะ ปอร์โต้ 4-1 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า เขาต้องการอยู่คุมทีมในถิ่นแอนฟิลด์ต่อไปและพร้อมที่จะเปิดอกคุยกับ ฮิคส์และ ยิลเล็ตต์ เพื่อสะสางข้อบาดหมางที่เกิดขึ้น โดยอดีตเฮดโค้ชทีม บาเลนเซีย กล่าวติดตลกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความไม่ชำนาญภาษาอังกฤษของเขาก็เป็นได้และยืนยันว่าปัญหาทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความมั่นใจตัวเองมากไปของตนตามที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน
"เอล ราฟา" กล่าวเปิดใจต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในถิ่น แอนฟิลด์ ว่า "สัมพันธภาพระหว่างผมกับพวกเขา (จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์) ดีมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ถึงตอนนี้เราจำเป็นต้องเปิดอกคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะสะสางมันให้ได้ บางทีความไม่ชำนาญเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษของผมอาจเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ซึ่งตอนนี้เราจึงจำเป็นต้องคุยกันเพื่อทำความเข้าใจและมันน่าจะง่ายกว่าหากจะเจรจากันแบบซึ่งหน้า ไม่ใช่โดยการส่งผ่านอีเมล์หรือคุยทางโทรศัพท์"
"แม้ว่ามุมมองของเราจะต่างกัน แต่ผมมั่นใจว่าหากได้คุยกันอีกครั้ง เราคงจะเข้าใจความคิดซึ่งกันและกันยิ่งขึ้น ผมได้ยินมาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปของผม แต่ขอบอกตรงนี้เลยว่ามันไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด ทีมคือความรับผิดชอบของผมและผมต้องการพัฒนาทีมและขุมกำลังให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป" เบนิเตซ ร่ายยาวทิ้งท้าย
A PHP Error was encountered
Severity: Notice
Message: Undefined variable: tag_links
Filename: site/news-detail.php
Line Number: 47