สวัสดีครับแฟนๆปีศาจเเดงทุกท่าน วันเสาร์ที่ 12 แล้วนะครับที่ศึก "เร้ดไฟท์" หรือภาษาบ้านเราก็คือเกม "เเดงเดือด" จะเริ่มขึ้น โดยมี โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของเราเป็นสังเวียนรับแข้งก่อนในเกมแรก

      ก่อนเกมจะเริ่มหากมองดูผลงานของ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลคงต้องบอกว่ายังไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก การแพ้ในเกมที่ไปเยือนสวอนซี 1-2 ทำให้เราเห็นได้ชัดว่า การไร้พ่ายและคลีนชีทใน 3 เกมแรกเป็นภาพลวงตาเท่านั้น

      นั่นเท่ากับว่า 1 ปีเต็มๆของฟาน กัล นับตั้งเข้ามาทำทีมเขายังไม่ได้สามารถแสดงถึงสิ่งที่เขาบอกไว้ในวันที่เขารับงานได้เลย

      "ปรัชญาของผม คือการทำทีมด้วยเกมบุกและฟุตบอลเอนเตอร์เทน" .... นั่นล่ะครับคุณผู้ชม ลองๆช่วยกันนึกดูกันหน่อยครับว่าที่ผ่านมามีเกมไหนบ้างที่ ยูไนเต็ด ของเราเข้าใกล้คำว่าฟุตบอลเอนเตอร์เทนบ้าง ?

      แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นและสิ่งที่ฟาน กัล พยายามทำ คือสิ่งเดียวกัน แต่ทว่ามันยังไม่เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างเสียที วันเสาร์นี้จะเป็นเกมใหญ่และต้องการผลลัพท์เพียงชนะเท่านั้น! และแน่นอนว่าความต้องการของมนุษย์เราไม่เคยบอก นอกจากชัยชนะที่เป็นเป้าหมายหลักเเล้ว สิ่งที่แฟนๆยูไนเต็ดอยากจะเห็นในเกมแดงเดือดนี้มีอะไรบ้าง?

      1. บอลคอนโทรลที่มีประสิทธิภาพ : แม้ว่าหลายเกมที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ล้วนครองบอลได้เหนือกว่าคู่แข่งทุกเกม แต่คงเรียกว่าการ "คุม" เกมได้อย่างไม่เต็มปาก ... ทรงบอลออกแนวบอลติ๊ดชึ่งเคาะไปเคาะมาไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ เข้าใจว่าการครองบอลของยูไนเต็ดคือการเปิดช่อง แต่การเล่นบอลมากจังหวะไปบางครั้งทำให้หมดโอกาสลุ้นทำประตูได้ง่ายๆ

      สรุปให้สั้นๆได้ใจความก็คือการเซ็ตบอลทำเกมรุกที่เร็วและมีการเข้าทำที่มีประสิทธิภาพนั่นแหละครับ

      2. เกมเคาน์เตอร์แอทแทค : การเล่นในบ้านแฟนบอลย่อมต้องการให้ทีมรักเดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง แต่ฟุตบอลที่สมบูรณ์แบบมันต้องมีทั้งเกมรับและเกมรุกด้วยและยิ่งเป็นเกมใหญ่ๆแบบนี้การสวนกลับถือเป็นอาวุธเด็ดที่ปล่อยหมัดน็อคใส่คู่ต่อสู้ได้ง่ายๆเลยทีเดียว

      ซึ่งอาวุธเด็ดแบบนี้ไม่มีให้เห็นมานานแล้วครับสำหรับผีเเดงของเราถ้าเอาที่พอนึกออกย้อนกลับไปก็ต้องคงเป็นเกมที่ เราบุกไปเอาชนะอาร์เซน่อล 2-1 ในฤดูกาลที่แล้ว (รูนี่ย์ ยิงประตูที่ 2) และเกมที่เอาชนะ เยโอวิล ทาวน์ ใน เอฟเอ คัพ จากประตูของ อังเคล ดิ มาเรีย

      3. ใจสู้กันหน่อย! : พูดไปจะหาว่าเอาเรื่องเก่ามาเล่า แต่ก็อดไม่ได้จริงๆครับยุคก่อนหน้านี้ยามทีมที่เราโดนนำผมมักจะคิดอยู่เสมอว่า "เห้ย ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ยิงคืน" แล้วมันก็มาจริงๆบางเกมไม่ใช่แค่ตีเสมอแต่ถึงขึ้นพลิกกลับมาชนะถล่มทลายเลยก็มี

     เดี๋ยวนี้เหรอครับ ... อย่าว่าแต่พลิกมาชนะเขาเลยครับแหม่ แค่นำ 1-0 ยังกล้าๆแพ้ก็มีให้เห็นออกจะบ่อย ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆทำไมสภาพความมั่นใจของแข้งผียุคนี้มีน้อยเหลือเกิน ช่วงท้ายเกมที่เหล่าแฟนผีเรียกกันว่า "เฟอร์กี้ ไทม์" หายไปเฉยๆอย่างน่าใจหาย

     แน่นอนว่าเราคงไม่คาดคิดและไม่อยากเห็น ลิเวอร์พูล ออกนำเราไปก่อน แต่ฟุตบอลลูกกลมๆอะไรมันก็ขึ้นได้ และถ้าหากเราโดนนำไปก่อนขึ้นมาแล้วยังเล่นกันอีเหลื่อยเฉื่อยเเฉะเหมือนที่ผ่านมา เกรงว่ามันจะไม่โสภาสถาพรชวนให้ปิดทีวีก่อนจบ 90 นาทีก็เป็นได้

      4.เวย์น รูนี่ย์ คนดีคนเดิม : หลังจากทำลายสถิติดาวยิงสูงสุดทีมชาติอังกฤษมาหมาดๆคงทำให้กัปตันรูนสภาพจิตใจแจ่มใสและพอลดความกดดันไปได้บ้างหลังจากรับศึกหนักจากเสียงวิจารณ์มากมายในฤดูกาลนี้

      หวังเพียงให้ "วาซซ่า" กลับมาเล่นแบบกองหน้าของจริงเขาทำกัน ยิงได้ยิง! ยิงไม่ได้จริงๆค่อยหาทางจ่าย! กองกลางเรามีเยอะเเยะเต็มไปหมด ขอแค่กัปตันรับหน้าที่หน้ากรอบเขตโทษจัดการงานของกองหน้าให้เรียบร้อยก็เพียงพอแล้ว

     5.อองโตนี่ มาร์กซิอัล : เจ้าของดาวรุ่งค่าตัวเเพงที่สุดในโลกมีโอกาสประเดิมสนามในสีเสื้อปีศาจเเดงในเกมในวันเสาร์นี้ ไม่ว่าจะในฐานะตัวจริงหรือตัวสำรองก็ตาม ... เกมนี้สำคัญกับเขามากแทบจะบอกว่าเป็นเกมชี้ชัดได้เลยว่า มาร์กซิอัล จะรอดหรือไม่ ?

     หากเขายิงได้ซักประตู หรือมีส่วนให้ทีมได้รับชัยชนะ นั่นจะส่งผลบวกกับเขาแบบสุดๆ มันจะเท่ขนาดไหนหากเปิดตัวด้วยการยิงประตูแรกในเกมเเดงเดือด!  ทุกอย่างจะดูผ่อนคลายขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากที่ในตอนนี้ใครต่างก็พูดถึงเรื่องไอหนูวัย 19 ปีรายนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ถ้า มาร์กซิอัล ได้ลงและเล่นไม่ออก บอกได้คำเดียวเลยว่างานนี้ชีวิตในอังกฤษของเขาจะต้องพบกับความกดดันระดับร้อยเท่าพันทวีแน่นอน

     อย่างไรก็ตาม ความแข็งเเกร่งของจิตใจ และ ฝีเท้าของเขาเท่านั้นที่จะชี้วัดได้ ... เราทุกคนคงได้แต่ส่งแรงสนับสนุน ให้กำลังใจ มาร์กซิอัล และเหล่านักเตะปีศาจเเดงทุกคน ขอให้ทุกคนโชคดี เสาร์นี้เราจะคว้าสามแต้มไปด้วยกันครับผม!!