สวัสดีครับแฟนๆปีศาจเเดงทุกท่าน ...ช่างเป็นสัปดาห์ที่สดชื่นเเจ่มใสหลังจากที่เหล่าพลพรรคปีศาจเเดงเปิดบ้านกระทำชำเราลิเวอร์พูลอย่างเด็ดขาดไป 3-1
มีหลายเหตุการณ์เหลือเกินที่ถูกพูดถึงสำหรับเกมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูตรฟริคิกของมาต้า+บลินด์ , ฟอร์มการเล่นของเมมฟิส เดอปายที่เริ่มถูกตั้งเครื่องหมายคำถามบ้างเเล้ว , ลูกยิงโอเวอร์เฮดคิกแบบเต็มรอบของเบนเตเก้ และที่ขาดไม่ได้คือการเปิดตัวแบบเอิกเกริกของ อองโตนี่ มาร์กซิอัล
ทั้งหมดทั้งมวลคือไฮไลต์สำหรับเกมเเดงเดือดเกมแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แน่นอนว่าในความปลื้มปริ่มใจของแฟนๆยูไนเต็ดย่อมมีสิ่งที่เราไม่สามารถลืมได้เลยสำหรับฤดูกาลอันยาวนานนี้
ก่อนเกมแดงเดือดจะเริ่มขึ้น ความขุ่นเคืองใจถึงแท็คติกของหลุยส์ ฟาน กัล และตัวนักเตะหลายๆคนอย่าง เวย์น รูนี่ย์ , เดอปาย หรือแม้กระทั่ง ดาลี่ย์ บลินด์ ถูกยกเอามาพูดทุกกันอย่างหนาหู แต่ทว่าเมื่อผลการแข่งขันออกมาสวยหรูสิ่งที่เคยถูกยกมาเป็นคำถามก็ถูกลืมไปเสียสนิท
อย่าลืมนะครับว่าในฤดูกาลที่เเล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างกับ ยูไนเต็ด ของเรา .... หากยังจำกันได้ในปีที่ผ่านมาเราชนะลิเวอร์พูลทั้งไปทั้งกลับ แต่ก็เเล้วยังไง? เมื่อผลสรุปทั้งฤดูกาล ยูไนเต็ด คว้าอันดับ 4 เท่านั้นถึงแม้จะได้ไปเล่นบอลยุโรปตามเป้า แต่คุณภาพของการเล่นต้องยอมรับว่า ปีศาจเเดง ยังทำได้ไม่น่าประทับใจ
แท็คติกของฟาน กัล เฉียบขาดเสมอในการเจอกับทีมใหญ่ มีเพียง เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลทีผ่านมาเท่านั้นที่ ฟาน กัล ไม่อาจยัดเยียดความปราชัยได้ ... แต่เมื่อพรีเมียร์ลีกประกอบด้วยทีมต่างๆ 20 ทีม แน่นอนว่าการโชว์ฟอร์มดีในการเล่นกับทีมใหญ่เพียงอย่างเดียวมันไม่พอ!
เห็นได้ชัดว่าบทเรียนในฤดูกาลที่แล้วสำหรับปีศาจเเดงคือการทำแต้มตกหล่นแบบน่าเขกกะโหลกตัวเองในหลายๆเกม ยกตัวอย่างเช่นเกมนรกแตกกับ เลสเตอร์ ที่แพ้ไป 3-5 การโดนสวอนซีสอนบอลไปกลับแบบน่าเจ็บใจ หรือกระทั่งช่วงท้ายฤดูกาลที่ตอนแรกดูเหมือนว่ายูไนเต็ดอาจมองถึงอันดับ 2-3 ได้ แต่สุดท้ายเเล้วความไม่สม่ำเสมอทำให้ทีมต้องกระเสือกกระสนกว่าจะได้อันดับ 4 มาครอง
ที่ผ่านมาให้ผ่านไป อดีตเอาไว้เป็นบทเรียนแล้วเราลองมาโฟกัสกันที่ปัจจุบันดีกว่า ในฤดูกาลนี้ดูเหมือนปัญหาการเข้าทำช้ายังคงไม่ถูกแก้ไขเลยด้วยซ้ำ การครองบอลเยอะแต่กลับไม่เกิดประโยชน์มีให้เห็นแทบทุกเกมแต่จะถูกยกมาพูดเมื่อทีมไม่ชนะเท่านั้น เช่นเกม เสมอกับนิวคาสเซิล 0-0 หรือการโดนเจ้าเก่าอย่างสวอนซีพลิกแซงชนะไป 2-1
มาถึงตรงนี้ความสม่ำเสมอของยูไนเต็ดยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน .. การเจอกับทีมที่เล็กและมีคุณภาพน้อยกว่าที่สมควรชนะปิดเกมได้สบายๆเป็นสิ่งที่ยังต้องตามแก้กันต่อไป
แม้ว่าหลายทีมในพรีเมียร์ลีกจะดูพัฒนาขึ้น ทำให้การเเข่งขันดูเข้มข้นเเละทำให้การกินทีมเล็กๆเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ... แต่คุณลองเหลือบตาไปมองเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่ยิ่งเล่นยิ่งดียิ่งเล่นยิ่งเข้าฝัก เหล่าพลพรรคเรือใบสีฟ้าผลงานสวยหรูด้วยการคว้าชัย 5 เกมรวด และยังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียวทั้งที่ใช้นักเตะแทบจะเป็นชุดเดิมที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าในฤดูกาลที่ผ่านมา(เพิ่มเพียง ราฮีม สเตอร์ริ่ง ส่วน เควิน เดอบรุนน์ ก็ยังไม่มีส่วนร่วมกับทีมเลย)
นี่แสดงให้เห็นว่าถ้ามองเห็นปัญหาและมุ่งมั่นเเก้ไขการคว้าชัยชนะในแต่ละเกมไม่ใช่งานหนักหนาเกินความสามารถอย่างแน่นอน ... นี่ไม่ได้หมายความว่าผมอยากเห็น ยูไนเต็ด เล่นในสไตล์เหมือนเเมนฯ ซิตี้ แต่ที่ผมต้องการเห็นคือประสิทธิภาพในการเข้าทำที่เฉียบขาดและเซ็ทบอลทำเกมบุกให้เร็วกว่านี้เท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าหากยูไนเต็ดแก้ไขปัญหานี้ได้รับรองว่าเครื่องติดวิ่งฉิวพร้อมหายใจรดต้นคอซิตี้ได้อย่างสบายๆแน่นอน เพราะปีนี้แนวรับที่เคยเป็นปัญหากก็ดูเหนียวเเน่นขึ้น ขาดแต่เพียงเกมรุกที่ยังหาส่วนผสมที่ลงตัวไม่ได้จึงทำให้ชัยชนะส่วนใหญ่เป็นการเบียดชนะ 1-0 จนแฟนๆต้องลุ้นให้เสียวท้องน้อยกันแทบทุกเกม
เกมกับลิเวอร์พูลอาจทำให้ฟาน กัล เห็นอะไรมากขึ้นแน่นอน 3 ประตูที่ทีมได้มาในเกมนี้เกิดจากการยิ่งเข้ากรอบเพียง 3 ครั้งเท่านั้น นอกจากเรื่องการเข้าทำเเล้วการจัดนักเตะลงสนามที่คงพอเริ่มมองหลายๆตัวเลือกและพร้อมให้โอกาสกับนักเตะที่มีผลงานชัดเจนและเข้าใจในระบบการเล่นของทีมมากขึ้น
ท้ายที่สุดนี้ขอเน้นย้ำว่าการลงทุนกว่า 100 ล้านปอนด์ในฤดูกาลนี้ ทำให้ความคาดหวังในผลงานต้องดีกว่าปีที่เเล้ว ส่วนเรื่องการขอเวลาปรับตัวของนักเตะเพื่อซึมซับปรัชญาก็ต้องเลิกอ้างและหาวิธีแก้ไขได้เเล้ว ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญนอกจากอันดับในตารางที่ปีศาจเเดงต้องจบให้สูงกว่าตำแหน่งเดิมพวกเขายังต้องแสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงฟุตบอลที่ต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย หากขาดอะไรไปสักอย่างเชื่อว่าความประทับใจในเกมเเดงเดือดนัดนี้ คงไม่มีความหมายอะไรเลยนอกจากเอาไว้ล้อทีมคู่แข่งไปวันๆ
พื้นที่หมดเพียงเท่านั้น สำหรับวันนี้ขอลาทุกท่านไปก่อนสวัสดีครับ